ความท้าทายยุค “อนุทิน” เมื่องบประมาณจำกัด อาจหนุนกําไร SET ได้แค่ 0.4-0.8%

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า อายุของรัฐบาลจะบ่งออกเป็น 4+4 คือ เป็นรัฐบาล 4 เดือน และรัฐบาลรักษาการอีกราวๆ 4 เดือน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ภายในระยะเวลาจำกัด ทำให้รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้งบประมาณที่จำกัด จะช่วยผลักดัน GPD และ กำไรบริษัทจดทะเบียนได้มากน้อยแค่ไหน?
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่า งบประมาณกลางค่อนข้างจํากัดเพียง 2.5-7.3 หมื่นล้านบาท คาดหนุน GDP ได้เพียง 0.1-0.2% และอาจสนับสนุนกําไร SET ได้ราว 0.4-0.8%
ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ ยังช่วยพยุงระยะสั้น โดยแพ็กเกจกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวจะช่วยหนุนเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการคนละครึ่งจะเริ่ม ต.ค. วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท (เม็ดเงินค่อนข้างน้อยเทียบกับ Digital Wallet เฟส 1 ที่ 1.45 แสนล้านบาท, เฟส 2 ที่ 2 หมื่นล้านบาท)
โดยงบประมาณปี 2568/69 อยู่ที่ 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งนายกฯ ควบคุมงบกลาง 1.23 แสนล้านบาท (งบฉุกเฉิน 9.8 หมื่นล้านบาท, งบกระตุ้น 2.5 หมื่นล้านบาท) แต่โดยปกติ 4–5 หมื่นล้านบาท จะถูกกันไว้สำหรับภัยพิบัติฉุกเฉิน เหลือเพียงประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น งบประมาณที่จัดสรรสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลรอบใหม่ คาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.5 หมื่นล้านบาท และอาจขยายได้สูงสุดถึง 7.3 หมื่นล้านบาท สำหรับจัดสรรใหม่และอาจมีโครงการอื่น เช่น เพิ่มสวัสดิการผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 13.5 ล้านคน โครงการ Easy e-receipt สำหรับผู้มีรายได้สูงและอยู่ในระบบภาษีราว 4 ล้านคน เที่ยวไทยคนละครึ่ง คาดหนุนการบริโภคได้บ้าง แต่ผลกระทบอาจ “จำกัด”
สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มในเดือนตุลาคม อาจสามารถจัดสรรงบกลางเพิ่มได้ราว 4.8 หมื่นล้านบาท แต่ต้องกันวงเงิน 4-5 หมื่นล้านบาท ไว้สำหรับภัยพิบัติ (รวมวงเงินงบกลางสำรองทั้งหมด 9.8 หมื่นล้านบาท).
และอาจมีโครงการอื่น เช่น เพิ่มสวัสดิการผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการ Easy e-receipt สำหรับผู้มีรายได้สูงและอยู่ในระบบภาษีราว 4 ล้านคน มาตรการหนุนการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 คาดหนุนการบริโภค/ท่องเที่ยวได้บ้าง แต่ผลประโยชน์อาจ “จำกัด” ดังนั้นยังเน้นกลุ่มผู้ได้ประโยชน์หลัก ได้แก่ กลุ่มค้าส่ง เครื่องดื่มพร้อมดื่ม โรงแรม และค้าปลีกสินค้า IT
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างนโยบายรัฐบาลที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภา เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารประเทศไทยในระยะเวลาอันจำกัด ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ได้แก่
1.ปัญหาเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ด้วยโครงการ “คนละครึ่ง” ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน สนับสนุนให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทนได้มากขึ้น สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น
2.ปัญหาความมั่นคง กรณีพิพาท ไทย-กัมพูชา รัฐบาลจะดำเนินมาตรการทางการทูตควบคู่มาตรการทางทหาร เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทย และรักษาประโยชน์ของประชาชนไทย
3.ปัญหาภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ นอกจากจะต้องเร่งรัดทำระบบเตือนภัย ป้องกันภัย จะต้องปรับปรุงระบบ มาตรการการดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะต้องแก้กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการได้สะดวก คล่องตัว แก้ปัญหาให้ประชาชนเร็วที่สุด และถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการรั่วไหลหรือการทุจริตคอร์รัปชัน
4.ปัญหาภัยสังคม รัฐบาลจะดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด การพนัน การพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ เครือข่ายฉ้อโกงประชาชนขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก และเป็นภัยทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง รวมทั้ง ดำเนินการทางวินัยและกฎหมายกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเด็ดขาด โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วตามด้วยการดำเนินคดีอาญาทุกกรณี
“รัฐบาลยืนยันไม่สนับสนุนธุรกิจการพนันทุกรูปแบบ ไม่มีเอนเตอร์เทนเมนต์แบบมีกาสิโน และไม่อนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ยอดนิยม
_0.jpg)
TOP คว้าเงินสด 1.8 หมื่นล้าน หลังจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าสูงสุด โบรกฯ มองบวก หนุนออก Perpetual bond ลุย CFP
_0.jpg)
PTTGC ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ โบรกฯ ชี้ปลดล็อคมูลค่าสินทรัพย์ สร้างกระแสเงินสด คาดปี 69 บุ๊กกำไร 2-2.3 พันล้านบาท
%20copy_0.jpg)
PTTGC-IVL คืนชีพ! โบรกฯ ชี้เป็นจังหวะสะสม ก่อนเข้าสู่รอบฟื้นตัวปี 2569
_0.jpg)
เปิดโผ 10 หุ้นปันผลสูง! ลุ้นรับมาตรการกระตุ้นเงินลงทุนใหม่ หลังรัฐบาล-FETCO เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุน
_0.jpg)