กระดานข่าว

“ทรีนีตี้” ชี้การเมืองในกรณีฐาน หุ้นไทยจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด


01 กันยายน 2568

ทรีนีตี้” มองหุ้นไทยระยะ 1 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด!! รอการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขั้วไหนขึ้นล้วนได้รัฐบาลอายุ 4-6 เดือน แม้ไม่เกิดสุญญากาศ แต่ก็ไม่ได้เป็นภาพบวกแต่อย่างใด คาดในช่วงรัฐบาลชั่วคราว เศรษฐกิจจะทำได้เพียงประคับประคอง รวมไปถึงภาพตลาดหุ้น จากความมั่นใจผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ยังไม่กลับมาทันทีทันใด ด้านกลยุทธ์คงน้ำหนักลงทุน  ‘Overweight’ ในพันธบัตรไทย และหุ้นในกลุ่ม Defensive ที่มีกระแสเงินสดมั่นคง และได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาลง ได้แก่ Utilities, ICT, IFF และ REIT

S__22683731_11zon.jpg

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนว่า จากทิศทางของปัจจัยการเมืองภายในประเทศล่าสุด ประเมินว่าในกรณีฐาน จะทำให้ภาพของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1200-1300 จุด ตามที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ต่อไป ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ ปัจจัยที่จะช่วยประคับประคองดัชนี SET ไม่ให้หลุดระดับ 1200 จุด ได้แก่ 1) การที่ครม.รักษาการมีแนวโน้มอยู่ในตำแหน่งไม่นาน จากการที่พรรคการเมืองต่างๆมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้นายกฯคนใหม่และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่รวดเร็ว  2) พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ไม่น่าเผชิญอุปสรรคใดๆ จากกระบวนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนี้  และ 3) การมีรัฐบาลใหม่ได้เร็วจะทำให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน ไม่เกิดการเว้นวรรคนานเกินไป เช่นปัญหาชายแดนกับกัมพูชา และปัญหาภาษีการค้ากับทางสหรัฐฯ ในทางกลับกัน ประเมินปัจจัยที่จะยังจำกัดดัชนี SET ไม่ให้ทะลุผ่านระดับ 1300 จุด ได้แก่  1) หากพรรคประชาชนยังยืนอยู่บนจุดยืนของพรรคที่ให้ไว้ ว่าจะโหวตให้แต่นายกฯแต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใดนั้น จะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งไม่ได้เป็นผลบวกต่อเสถียรภาพการเมืองแต่อย่างใด  2) รัฐบาลชั่วคราวที่ประกาศว่าจะมีอายุเพียงแค่ 4 เดือนนั้น อาจทำให้เกิดการเกียร์ว่างในส่วนราชการต่างๆ และทำให้โอกาสในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสำคัญๆที่เกิดขึ้นได้ยาก และ 3) การขาดแรงผลักดันในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และการรอการเลือกตั้งใหม่ไปอย่างน้อย 4-6 เดือน จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป                                                                                                                                                                                    คาดการณ์หุ้นกลุ่ม Domestic demand มีโอกาสซึมตัวต่อไป ตามแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 และต้นไตรมาส 4 ที่น่าจะยังชะลอตัวอยู่ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวน่าจะทำให้สมมติฐานที่บล.ทรีนีตี้คาดการณ์ไว้ว่ากนง.จะมีการลดดอกเบี้ยได้อีก 0.25% ภายในปีนี้มีโอกาสเป็นจริงมากขึ้ แนะนำนักลงทุนคงน้ำหนัก ‘Overweight’ ในส่วนพันธบัตรของไทยต่อไป ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะยังไม่มีการฟื้นตัวเด่น และการ Price in การลดดอกเบี้ยของตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนั้นยังคงแนะนำ ‘Overweight’ หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่ยังคงได้ประโยชน์จากวงจร Bond yield ขาลงต่อไป ทั้ง Utilities, ICT,  IFF, และ REIT เป็นต้น

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ของทรีนีตี้ข้างต้น อิงบนสมมุติฐานสำคัญที่ว่า พรรคประชาชนจะยกมือเลือกนายกฯให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่หากสุดท้ายแล้ว พรรคประชาชนตัดสินใจเลือกไม่ยกมือให้กับฝ่ายใด หรือใช้เวลายาวนานกว่าจะตัดสินใจ จะทำให้การเลือกนายกคนใหม่เป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งหากเหตุผลดังกล่าวทำให้ครม.รักษาการอยู่นานกว่าที่เราคิดไว้ เช่นเกิน 1 เดือนขึ้นไป จะถือเป็นกรณีที่ค่อนข้างแย่ในสายตาของเรา และจะทำให้ Downside risk ของดัชนี SET เปิดกว้างมากขึ้น จนอาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวหลุดระดับ 1200 จุดได้

ในทางกลับกัน ประเมินความเป็นไปได้ในฝั่งบวกก็มีเช่นกัน โดยหากสุดท้ายแล้วพรรคประชาชนเลือกที่จะไม่ยกมือเลือกนายกฯจากทั้ง 2 ฝั่ง จนนำมาสู่กรณีที่รักษาการนายกฯขอทูลเกล้าให้มีการยุบสภาโดยเร็ว (อาจต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมายอีกทอดหนึ่ง) หากเกิดขึ้นได้จริง มองปัจจัยนี้จะทำให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ จนนำมาสู่ปรากฏการณ์ Election rally ในตลาดที่เร็วกว่ากำหนด และทำให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวทะลุระดับ 1300 จุดขึ้นไป จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน