การเมืองฝุ่นตลบ! คาดคดีคลิปเสียงคำตัดสินไม่แย่ โบรกฯ แนะลงทุนกระจายความเสี่ยง

จับตาประเด็นร้อนการเมืองปั่นป่วน แม้ทักษิณ พ้นผิดในข้อหา 112 ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการเมือง แต่ความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทย ยังไม่คลายกังวล แถมยังมีคดีชั้น 14 ที่ยังรอคำตัดสิน ล่าสุด 29 ส.ค.นี้ วันชี้ชะตา “แพทองธาร ชินวัตร” นักวิเคราะห์คาดผลคดี อาจออกมาไม่แย่จนเกิน 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คำตัดสินคดีคลิปเสียงนายกฯ ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.นี้ คาดผลคดีนายกฯ อาจออกมาไม่แย่จนเกิน 

โดยมองทางเลือกที่จะส่งผลดีต่อตลาดคือ ลาออก ส่วนรอฟังผลคำตัดสิน ตลาดจะไปขึ้นกับผลที่ออกมาในวันนั้น(29 ส.ค.) โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์หากการเมืองออกมาดี ADVANC, GULF, DELTA และกลุ่มธนาคาร (SCB, KTB) ขณะที่ดัชนีฯ อาจกลับไปทดสอบเป้า 1,280 จุด ได้อีกครั้ง

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ประเด็นศาลรัฐธรรมนูญกำหนดจะพิพากษาคดีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 29 สิงหาคม ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของบันทึกเสียงโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้นำกัมพูชา ฮุน เซน คดีนี้ซึ่งมีกรอบเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมมีนัยสำคัญทางการเมือง 

ในขณะที่กระบวนการทางกฎหมายจะต้องดำเนินต่อไป แต่การตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งอาจนำไปสู่การยุบคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้โครงการสำคัญของรัฐบาลล่าช้าและปรับคณะรัฐมนตรี นักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในภาคส่วนที่พึ่งพาการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความมั่นคงของผู้นำ

อย่างไรก็ตาม การตัดสินให้ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดในข้อหา 112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการเมืองในทันที และยังมีอีกคดีที่ยังรอการตัดสิน เนื่องจากศาลเตรียมตัดสินใจว่าการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานของเขานับเป็นส่วนหนึ่งของโทษจำคุกหรือไม่ 

สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องหลายคนถูกรายงานว่าให้ถูกพักงาน ซึ่งทำให้เกิดคำถามด้านขั้นตอน แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะยังไม่ชัดเจน ทำให้ทั้งประชาชนและนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากพิจารณาคดีของศาลว่าจะสร้างสมดุลระหว่างความสอดคล้องทางกฎหมายกับความละเอียดอ่อนทางการเมืองได้อย่างไร

ขณะที่หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลร่วม ซึ่งรายงานว่าเป็นการตอบสนองต่อคลิปเสียงที่รั่วไหลและข้อกังวลเรื่องอำนาจอธิปไตย พรรคภูมิใจไทยตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบทางกฎหมายและการเมืองอย่างหนัก คดีต่างๆ เช่น ข้อโต้เถียงเรื่องการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาและข้อพิพาทที่ดินเขากระโดงที่ดำเนินมายาวนานได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง 

โดยนักวิเคราะห์คิดว่าเป็นแรงกดดันที่มีเป้าหมายจากฝ่ายที่สอดคล้องกับทักษิณ แม้ว่าภูมิใจไทยจะให้คำมั่นที่จะคืนส่วนหนึ่งของที่ดินที่เป็นข้อพิพาท แต่ความสงสัยจากสาธารณชนและกฎหมายยังคงอยู่ ความแตกแยกที่พัฒนาไปสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในพันธมิตรทางการเมืองที่อาจปรับโฉมของรัฐสภาไทยในอนาคต

นอกจากนี้ ความเปราะบางทางการเมืองกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีกครั้ง แม้ว่าตลาดจะแสดงความผันผวนในระยะสั้น แต่ความเสี่ยงที่ยิ่งกว่าอยู่ที่ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อ ไม่ว่าจะผ่านการหยุดชะงักของผู้นำ นโยบายการคลังที่ล่าช้า หรือการกัดเซาะสถาบันในวงกว้าง ในสถานการณ์ปัจจุบัน 

ในกรณีนี้มองว่าการส่งมอบผู้นำที่ราบรื่นพร้อมกับการหยุดชะงักของตลาด ในกรณีบวกขึ้นอยู่กับการคลี่คลายความตึงเครียดทางกฎหมายและการเริ่มต้นการกระตุ้นใหม่ ในขณะที่กรณีลบเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นทางกฎหมายของบุคคลสำคัญหรือการเลือกตั้งกะทันหัน ซึ่งน่าจะกระตุ้นการขายหุ้นอย่างรุนแรงและการอ่อนค่าของบาท ในทุกกรณี นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับการเมืองที่เปลี่ยนแปลงและการปรับตำแหน่งที่ที่จะทำให้เกิดความผันผวนของตลาด

ดังนั้นจากการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่น่าจะเริ่มต้นในเดือนกันยายนและเสียงรบกวนทางการเมืองไทยที่ยังคงอยู่ แนะนำนักลงทุน “ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง” โดยที่ GOOGL80 และ MSFT80 ยังคงเป็นตัวที่ได้รับความนิยมจากการที่ AI ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง พร้อมจากการที่ได้รับผลดีจากลดอัตราดอกเบี้ย 

ในขณะที่ในประเทศ CRC อาจได้ประโยชน์จากการเติบโต GDP 8% ของเวียดนามและการฟื้นตัวของการบริโภค ในขณะที่ SCGP และ SCGD ได้รับผลดีต่อเทรนด์อุปสงค์ที่ดีขึ้นของเวียดนามที่เชื่อมโยงกับที่อยู่อาศัย, เฟอร์นิเจอร์ และ FMCG ก็ได้อานิสงส์นี้