กระดานข่าว

เตือนธุรกิจขายสินค้าราคาต่ำกว่าท้องตลาดผิดกฎหมายเสี่ยงจ่ายภาษีเพิ่ม NLSUPERTAX แนะวิธีทำธุรกรรมกับบริษัทในเครือป้องกันถูกตรวจสอบ


20 สิงหาคม 2568

บริษัท เอ็นแอล ซูเปอร์แท็กซ์ จำกัด (มหาชน) เตือนธุรกิจที่กำหนดราคาขายสินค้าและบริการให้กับบริษัทในเครือต่ำกว่าราคาตลาด ผิดกฎหมายและอาจกระทบต่อการจ่ายภาษีและเบี้ยปรับจำนวนมาก แนะแนวทางการกำหนดราคาเพื่อป้องกันความเสี่ยงถูกตรวจสอบและจ่ายภาษีเพิ่ม

คุณนิพนธ์ งามทรัพย์ทวีคูณ(แนวนอน).jpg

นายนิพนธ์ งามทรัพย์ทวีคูณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นแอล ซูเปอร์แท็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL SUPER TAX เปิดเผยว่า  กฎเกณฑ์ใหม่ธุรกิจ SMEs ควรระวังในการขายสินค้าให้บริษัทในเครือหรือบริษัทของคนในครอบครัวในราคาพิเศษ  เพราะกฎหมายภาษีใหม่เรื่องการตั้งราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอาจทำให้เสียภาษีเพิ่มโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากการตั้งราคาโอนหรือการกำหนดราคาสำหรับบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน เป็นประเด็นที่สรรพากรให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs จะต้องให้ความสำคัญและศึกษาการตั้งราคาโอนมีผลกระทบต่อภาษี เนื่องจากประเทศไทยมีการบังคับกำหนดให้บริษัทที่มีรายได้ตั้งแต่ 200 ล้านบาทขึ้นไปต้องจัดทำรายงานข้อมูลการตั้งราคาโอน  เพราะสรรพากรตรวจสอบโดยการใช้เครื่องมือและข้อมูลในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทมากขึ้น เพื่อตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีความใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะธุรกรรมที่มีการถ่ายโอนกำไรไปยังบริษัทที่เสียภาษีน้อยกว่า หากพบว่ามีความผิดจะเกิดผลกระทบอาจประเมินภาษีเพิ่มอาจมีเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจำนวนมาก  

นายนิพนธ์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ความเสี่ยงที่พบบ่อยในธุรกิจ SMEs คือการขายสินค้าราคาพิเศษให้บริษัทของคนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีหลายบริษัทมักขายสินค้าหรือให้บริการระหว่างกันในราคาถูก เช่น ขายในราคาทุนหรือต่ำกว่าทุน โดยไม่รู้ว่าเข้าข่ายการตั้งราคาโอนที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้แล้วยังให้บริการโดยไม่คิดค่าบริการหรือคิดต่ำกว่าราคาตลาด สรรพากรอาจมองว่าเป็นการให้ประโยชน์โดยไม่มีค่าตอบแทน นอกจากนี้แล้วบางบริษัทอาจจ่ายค่าบริการในอัตราที่สูงเกินไปให้กับบริษัทในเครือ อาจถูกพิจารณาว่าเป็นการถ่ายโอนกำไรโดยไม่สมเหตุสมผล

“สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้ธุรกิจ SMEs มีความเสี่ยงที่น้อยลง จะต้องจัดทำนโยบายการกำหนดราคาสำหรับธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน โดยอ้างอิงจากราคาตลาดหรือกำหนดราคาที่ยอมรับได้ เช่น เปรียบเทียบกับราคาขายให้บุคคลภายนอก รวมทั้งเปรียบเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของอุตสาหกรรม  นอกจากนี้แล้วจะต้องจัดทำสัญญาและเอกสารประกอบที่ชัดเจน ทุกธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน ควรมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อระบุรายละเอียดของสินค้าและบริการ ราคา และเงื่อนไขการชำระเงิน รวมทั้งจะต้องมีเหตุผลทางธุรกิจที่สนับสนุนการกำหนดราคาที่ชัดเจน ที่สำคัญจะต้องเก็บหลักฐานการวิเคราะห์ราคาและการเปรียบเทียบ โดยการรวบรวมข้อมูลราคาตลาดหรือการวิเคราะห์ต้นทุนที่ใช้ในการกำหนดราคาเพื่อใช้เป็นหลักฐานหากมีการตรวจสอบ เพราะหากมีหลักฐานมากเท่าไหร่จะเป็นประโยชน์ในการป้องกันการประเมินภาษีเพิ่ม ” นายนิพนธ์กล่าว

กรณีศึกษาสำหรับการกำหนดราคาโอนของบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ขายสินค้าให้บริษัทในเครือที่เป็นร้านค้าปลีกในราคาทุน เพื่อให้บริษัทร้านค้ามีกำไรมากขึ้น เมื่อถูกสรรพากรตรวจสอบถูกประเมินรายได้เพิ่ม โดยเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มย้อนหลัง 3 ปีกว่า 1.5 ล้านบาท แม้กฎหมายการตั้งราคาโอนจะดูเหมือนเรื่องของบริษัทใหญ่ แต่ธุรกิจ SMEs ที่มีบริษัทในเครือหรือมีความสัมพันธ์กันควรให้ความสำคัญเพราะผลกระทบทางภาษี ที่อาจมีมูลค่าสูงและส่งผลต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จะต้องเริ่มทบทวนธุรกรรมที่มีกับบริษัทในเครือทั้งหมด และประเมินราคาที่ใช้ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่หากเทียบกับราคาตลาด  หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือสอบถามปัญหาด้านบัญชีและภาษี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 096-974-4164 หรือ https://www.facebook.com/people/NL-Supertax/61558643228763/

NL