กระดานข่าว

STX ครึ่งปีแรกโชว์กำไรพุ่ง 75% แตะเกือบ 45 ล้านบาท มองครึ่งปีหลังโตต่อรับอุตสาหกรรมฟื้น – ปิดดีลซื้อเหมืองใหม่ ปูทางโตระยะยาว


18 สิงหาคม 2568

บมจ.สโตนวัน หรือ STXโชว์ผลงานแกร่ง! ครึ่งปีแรกโกยกำไรสุทธิเฉียด 45 ลบ. โต 75.02% สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนรายได้รวม 201.71 ลบ. แม้ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า เป็นผลชั่วคราวจากการส่งมอบหินแกรนิตขนาดใหญ่ (Bigrock) ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด ซึ่งเกิดจากการก่อสร้างของผู้รับเหมาชะลอตัว แต่ล่าสุดคำสั่งซื้อได้กลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม และการปรับกลยุทธ์โฟกัสสินค้ามาร์จิ้นสูง จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ STX ได้ปิดดีลซื้อกิจการเหมืองหินปูนแห่งใหม่ใน จ.เพชรบุรี ช่วยเสริมความมั่นคงด้านวัตถุดิบต้นน้ำให้กับการผลิตในระยะยาว รองรับดีมานด์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  

STX_นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์_1.png

นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองหินและแร่ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกําไรสุทธิ 44.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 75.02% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักของการเติบโตของกำไรสุทธิในภาพรวมจากการกลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต ซึ่งเป็นผลจากการได้รับชำระหนี้จากกลุ่มลูกหนี้การค้าในอดีต

บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในงวด 6 เดือนจำนวน 91.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.42 ล้านบาท หรือ 57.13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) งวดสะสม 6 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 0.15 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.10 บาท สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องของผลการดำเนินงานในปี 2568

ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 201.71 ล้านบาท ลดลง 9.10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ของหินแกรนิต โดยเฉพาะหินใหญ่ (Bigrock) เกิดจากความล่าช้าการก่อสร้างโครงการ จึงส่งผลให้การเข้ารับหินใหญ่ไม่เป็นไปตามแผนตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อเริ่มกลับมาดังเดิมในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะช่วยเสริมให้รายได้ในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ รายได้ของหินแกรนิต 20 มม. ก็ปรับตัวลดลงโดยเกิดจากแผนลดกำลังการผลิตที่วางไว้เพื่อเน้นไปทำการผลิตหินใหญ่ (Bigrock) แทน ในส่วนของรายได้จากผลิตภัณฑ์หินปูนยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่ง ส่วนผลิตภัณฑ์โดโลไมต์ปรับลดลงเนื่องจากในปีนี้ไม่มีการทำตลาดเพื่อระบายสต็อกเก่าเหมือนในปีที่แล้ว โดยสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต อยู่ที่ 42% หินปูน 42% และแร่โดโลไมต์ 16%

ขณะที่ภาพรวมกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 3.76 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนตามรายได้รวมซึ่งอยู่ที่ 91.62 ล้านบาท แต่เมื่อมองภาพรวมสะสม 6 เดือน บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้อย่างแข็งแรง

ล่าสุด STX เข้าซื้อเหมืองใหม่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ ทั้งในส่วนการพัฒนาหน้าเหมืองและการก่อสร้างโรงโม่หิน  ซึ่งเหมืองแห่งนี้เป็นเหมืองหินปูนที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรอายุ 29 ปี ด้วยปริมาณสำรองหินปูนตามประทานบัตร 25 ล้านตัน จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม และทำให้บริษัทสามารถรองรับคำสั่งซื้อในอนาคตได้มากขึ้น สนับสนุนโอกาสการเติบโตในระยะยาว และถือว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนการผลิตของบริษัท เพิ่มความมั่นคงด้านวัตถุดิบและรองรับการขยายตัวของความต้องการในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทได้เดินหน้าโครงการพัฒนาเหมืองใหม่ครบวงจร โดยได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างแบบ Turnkey Project กับผู้รับเหมา เพื่อดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งระบบเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิตอย่างครบวงจร พร้อมกันนี้ ได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินกับสถาบันการเงินที่ให้วงเงินกู้ระยะยาวเพื่อใช้ในการลงทุนของเหมืองแร่ใหม่และเหมืองแร่ปัจจุบัน สะท้อนถึงการวางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตที่ยั่งยืน

“สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทเตรียมพร้อมรับโอกาสจากการฟื้นตัวของงานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  เนื่องจากธุรกิจเหมืองหินและแร่ เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจากธุรกิจเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบแก่บริษัท เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน” นายทรงวุธ กล่าว