PYLON บุ๊คงบครึ่งปีแรก 68 กำไรโตอลังการกว่า 1,492.22% Backlog แข็งแกร่งอยู่ที่ประมาณ 1,300 ลบ. รับงานฐานรากของบริษัทที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

“บมจ.ไพลอน (PYLON)” โชว์ฟอร์มแรง ไตรมาส 2/68 พลิกกำไร YoY พุ่งเกือบ 975% แตะ 58.78 ล้านบาท กวาดรายได้ 388.61 ล้านบาท โตเฉียด 143% จากอานิสงส์ดีมานด์งานฐานรากฟื้นตัวและประมาณงานในมือ (Backlog) ในระดับสูง หนุนผลงานครึ่งปีทะยานแตะ 76.99 ล้านบาท YoY โตอลังการกว่า 1,492% ขณะที่ ตุนแบ็กล็อกแน่นกว่า 1,300 ล้านบาท ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะงานกำแพงกันดิน ตอกย้ำจังหวะธุรกิจที่กำลังเป็นขาขึ้น

ดร.ชเนศวร์  แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่า  ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 58.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.50 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 974.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 388.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.59 ล้านบาท หรือ 142.85% สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนของบริษัท

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 76.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.52 ล้านบาท หรือพุ่งขึ้นถึง 1,492.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 687.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 322.09 ล้านบาท หรือ 88.18% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการรับรู้รายได้โครงการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร โดยส่วนใหญ่มาจากงานภาคเอกชนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกลับมาลงทุนภาคเอกชนที่ชัดเจนขึ้น และด้วยปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มี ประกอบกับคาดการณ์กำลังการผลิตที่ต้องใช้ บริษัทฯได้ลงทุนในเครื่องจักรสำหรับงานกำแพงกันดินในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเพิ่มเติมจำนวน 2 ชุด รวมถึงเพิ่มจำนวนชุดทำงานเพื่อรองรับงานที่มีเข้ามามากขึ้น ในขณะที่ซัพพลายของงานกำแพงกันดินในตลาดมีจำกัด” ดร.ชเนศวร์ กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจ การใช้กำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้ยาวไปจนถึงช่วงปลายปี 2568 ซึ่ง ณ ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่ระดับประมาณ 1,300 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 – 4 ของปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องและยังมีโอกาสในการได้งานใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมทั้งงานภาคเอกชนและงานภาครัฐ ซึ่งจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของปริมาณงานในมือ (Backlog) ในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้าได้