Funding Societies เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการไทย ชี้การฟื้นวงจรเศรษฐกิจในประเทศต้องเริ่มที่ SME
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจอีกครั้งในครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2568 ท่ามกลางแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงซบเซา ทั้งการส่งออกที่ชะลอตัวอย่างยาวนาน ภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับสู่ศักยภาพเต็มที่ และสัญญาณเงินฝืดที่จะเริ่มเด่นชัดมากขึ้นหลังไตรมาส 3 เป็นต้นไป
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กำลังเผชิญผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งจากยอดขายที่ลดลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอย และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินที่ยากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งซ้ำเติมความท้าทายที่ต้องรับมือ และในส่วนสถานการณ์ในบางพื้นที่ชายแดนแม้จะเริ่มผ่อนคลายลง แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ เนื่องจากผลกระทบต่อเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในจังหวัดใกล้ชายแดน ที่ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจน
ในเวลาเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากสินค้านำเข้าต้นทุนต่ำ ซึ่งเป็นผลจากภาวะอุปทานล้นตลาดในระดับโลก การประกาศของสหรัฐอเมริกาในการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% แม้จะช่วยลดความเสียเปรียบด้านราคาลง แต่ยังอาจไม่เพียงพอในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าบางกลุ่มที่เคยเลือกไทยเป็นซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญที่ก่อนหน้านี้ได้เปรียบด้านภาษีมากกว่า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (เดิม 0-2%) ยานยนต์และชิ้นส่วน (เดิม 2.5%) สินค้าเกษตร (เดิม 2-5%) และ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (เดิม 8-12%) เนื่องจากหลายรายหันไปใช้เวียดนามและอินโดนีเซียที่ก่อนหน้านี้และได้รับมาตรการจูงใจด้านภาษีภายในประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้ตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งออก อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงในซัพพลายเชนทั่วโลกครั้งนี้อาจทำให้การฟื้นตัวของส่วนแบ่งตลาดไทยในตลาดสหรัฐฯ ช้ากว่าที่คาด เนื่องจากต้องใช้เวลาในการกลับเข้าตลาดและสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับลูกค้าเดิม
ธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP ของไทยลงเหลือเพียง 1.8% ในปี พ.ศ. 2568 และ 1.7% ในปี พ.ศ. 2569* ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนแรงกดดันเชิงโครงสร้างที่ผลักดันให้ธุรกิจไทยต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
ในมุมมองของ Funding Societies ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลสำหรับ SME ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ให้บริการ Non-Bank รายสำคัญในไทย ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่อาจพึ่งพาแรงขับเคลื่อนจากภายนอกอย่างเดียวได้อีกต่อไป การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องเริ่มจากภายใน โดยการฟื้นวงจรเศรษฐกิจในประเทศ และการเสริมพลังให้ผู้ประกอบการในประเทศซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเติบโต
นายวิกาส เจน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Funding Societies ประเทศไทย กล่าว “เรามองว่าสถานการณ์ความผันผวนในครั้งนี้ คือบททดสอบความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจในประเทศ และ SME คือฟันเฟืองสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นกลไกสร้างรายได้และการจ้างงานในทุกภูมิภาค หากไม่มีการขับเคลื่อนของ SME เศรษฐกิจไทยย่อมไม่อาจฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์”
ภายใต้แรงกดดันจากภายนอก ผู้ประกอบการไทยยังเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่นอกกระแสหลักหรือไม่มีหลักประกัน ทำให้การดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเป็นไปได้ยากยิ่ง
อย่างไรก็ตาม Funding Societies ยังคงยืนหยัดในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ด้วยการเสนอทางเลือกทางการเงินที่เข้าถึงได้จริง และออกแบบให้เหมาะกับสภาพธุรกิจของ SME โดยพิจารณาจากผลประกอบการจริงและศักยภาพการเติบโต แทนที่จะใช้เกณฑ์แบบเดิมที่ตัดสินจากหลักทรัพย์ค้ำประกันเท่านั้น ทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล Non-Bank กลายเป็น “กลไกเสริมสภาพคล่อง” สำคัญของระบบเศรษฐกิจในยามที่ตลาดต้องการมากที่สุด
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 Funding Societies ยังคงมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทคาดการณ์ว่าปริมาณการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะเติบโตมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมเตรียมอัดฉีดเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการของ SME ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ การผลิต ค้าส่ง ค้าปลีก เทคโนโลยี สาธารณสุข และบริการทั่วไป
จนถึงปัจจุบัน Funding Societies ได้ปล่อยสินเชื่อแก่ SME ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้วกว่า 157,000 ล้านบาท และยังคงมุ่งขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดยรูปแบบสินเชื่อของ Funding Societies ที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ สินเชื่อระยะสั้นเพื่อธุรกิจ ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจในช่วงเวลาจำเป็น, สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า และ สินเชื่อใบสั่งซื้อ สำหรับผู้ประกอบการที่รอรับชำระจากลูกค้าหรือมีคำสั่งซื้อในมือ ไปจนถึง สินเชื่อธุรกิจโครงการ ที่รองรับกิจการที่มีสัญญางานภาครัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลไลสินเชื่อเหล่านี้ช่วยตอบโจทย์ผู้ประกอบการในแต่ละช่วงวงจรธุรกิจ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่านการพิจารณาจากศักยภาพของธุรกิจเป็นหลัก มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ทำผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องมาที่สาขา
“การให้สินเชื่อในช่วงเวลาที่ SME ต้องการมากที่สุด ก็เปรียบเสมือนการส่งออกซิเจนให้ธุรกิจได้หายใจในยามที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สถาบันการเงินเริ่มระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มที่อยู่นอกกระแสหรือไม่มีหลักประกัน” นายวิกาส เสริม
การมีบทบาทของผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล Non-Bank อย่าง Funding Societies จึงไม่ใช่เพียง “แหล่งเงินทุนทางเลือก” แต่เป็น “กลไกเสริมสภาพคล่อง” ให้กับภาคธุรกิจในเวลาที่ระบบเศรษฐกิจต้องการมากที่สุด โดยขับเคลื่อนด้วยมุมมองใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความเข้าใจผู้ประกอบการ มากกว่าการยึดติดกับสูตรสำเร็จหรือกรอบเดิมของระบบการเงินในอดีต ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fundingsocieties.co.th/
*ในประเทศไทย Funding Societies ดำเนินธุรกิจ 2 ส่วนที่ต่างกันคือ FS Siam Co., Ltd. เป็นผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิงที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ FS Capital Co., Ltd. เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ธุรกิจขนาดเล็ก โครงสร้างนี้ช่วยให้ Funding Societies สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินที่หลากหลายภายในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ข้อมูลอ้างอิง https://www.reuters.com/world/asia-pacific/hold-world-bank-cuts-thailands-2025-gdp-growth-outlook-18-29-2025-07-03/?utm_source
ยอดนิยม

TRUE โชว์ผลงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 2.0 พันล้านบาท ทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

KBANK เปิดตัว AFTERKLASS Business KAMP ปีที่ 6 สร้างเวทีให้เยาวชนไทยโชว์ไอเดียนวัตกรรมAI

กรุงไทย จับมือ รฟม.เปิดตัว “บัตรแมงมุม EMV” บัตรเดียว แตะจ่าย MRT

KKP ผนึก 6 พันธมิตรชั้นนำ ปฏิวัติวงการอสังหาฯสู่ยุค Green Transition
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)