กระดานข่าว

MGC-ASIA เข้าถือหุ้น 100% ใน Neo Mobility Asia ยกระดับ Lifestyle Mobility Ecosystem สร้างระบบนิเวศให้แข็งแกร่ง


05 สิงหาคม 2568

บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA ประกาศแผนเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด ในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด จากบริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ส่งผลให้เข้าถือหุ้น 100% ใน ‘บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด’ ด้าน CEO ‘ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ’ เร่งต่อยอดยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem เดินเกมรุกสู่ธุรกิจ Mobility ยุคใหม่เต็มสูบ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี บนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สู่การผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดร.สัณหวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC-ASIA.jpg

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป  คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้ามุ่งมั่นสู่การขับเคลื่อนในความเป็นผู้นำ Lifestyle Mobility Ecosystem อย่างครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศ  

โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด (MGC-ASIA Greentech) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MGC-ASIA ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (Neo Mobility Asia) ทั้งนี้ Neo Mobility Asia เดิมเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง MGC-ASIA Greentech และบริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท. การซื้อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลให้ MGC-ASIA Greentech ถือหุ้นใน Neo Mobility Asia เป็น 100% จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.99% ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ EV ได้อย่างเต็มรูปแบบ สู่การสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การถือครองหุ้น 100% แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของระบบนิเวศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ MGC-ASIA ที่กำลังมุ่งสู่การสร้างโลกแห่ง Mobility ที่ครอบคลุมทั้งประสบการณ์ผู้ใช้เทคโนโลยีและความยั่งยืน ตามหลักกลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem และด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่โดดเด่น และขับเคลื่อนการเติบโต อย่างยั่งยืนในระยะยาว

การเข้าถือหุ้น 100 % ในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ครั้งนี้ อยากให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และคู่ค้า ได้เห็นว่า MGC-ASIA มุ่งมั่นเพื่อยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem อย่างมีนัยสำคัญ 

สู่ผู้นำด้าน ‘ระบบนิเวศแห่งการเดินทางและการใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ’ ที่ครอบคลุมทั้ง รถยนต์หรูระดับพรีเมียม, รถยนต์มือสองครบวงจร, บริการรถเช่าระยะสั้นและยาว, ฟลีทองค์กร, Total EV Solution, บริการการเงิน และประกันภัย, และแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร ภายใต้ 3 แนวทางหลัก  

1.    MGC-ASIA สามารถปรับทิศทางกลยุทธ์ EV และ Mobility ให้มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดียวกัน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการ และมีความคล่องตัวสามารถดําเนินงานเชิงกลยุทธ์ได้เต็มรูปแบบ

2.    สามารถดำเนินการตามบริการของ Neo Mobility ให้สอดคล้องกับธุรกิจหลักของ MGC-ASIA อาทิ การขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสอง, บริการหลังการขายครบวงจร, บริการฟลีทองค์กร, การเช่ารถระยะยาวสั้น/ยาว สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรสำหรับองค์กร พร้อมระบบ Membership หรือ Subscription ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการ Synergy อย่างเต็มรูปแบบ และ Margin ที่สูงขึ้นในระยะยาว 

3.    สอดคล้องกับพันธกิจของ MGC-ASIA ในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ผ่านบริการ Subscription ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ EV Platform, Connected Mobility และ Auto Tech Ecosystem เพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

ดร.สัณหวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC-ASIA กล่าวทิ้งท้ายว่า MGC-ASIA เตรียมเดินหน้าสู่ธุรกิจ Mobility ในยุคใหม่อย่างเต็มตัว ภายหลังจากการถือหุ้นเต็มในครั้งนี้ ด้วยการเสริมการให้บริการ EV Fleet สำหรับภาครัฐและเอกชนที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น สอดคล้องกับรถ EV 

ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์ม EV Subscription และ Car-as-a-Service ขณะเดียวกัน MGC-ASIA ได้วางแผนลงทุนใน Auto Hub Data Center, AI & Connected Car Infrastructure ต่างๆ และสร้างพันธมิตรใหม่กับ Global EV Tech ให้สอดคล้องกับตลาดรถพรีเมียมและตลาดรถยนต์มือสอง และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ MGC-ASIA ในการเป็นผู้นำแห่ง Mobility Ecosystem ที่ไม่เพียง “ขายรถ” แต่ต้องการ “เชื่อมชีวิตและการเดินทาง” อย่างมีคุณค่า พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว