กระดานข่าว
BAY มองปัจจัยการเมืองกดดันเงินบาทระยะสั้น คงเป้าจีดีพีไทยปีนี้โต 1.5-2.1%
02 กรกฎาคม 2568
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองปัจจัยการเมืองกดดันเงินบาทในระยะสั้น คาดสิ้นปีเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า สวนจีดีพีไทยปีนี้ โตในกรอบ 1.5-2.1% ส่งออกไม่ขยายตัว พร้อมวาง 4 กลยุทธ์ สร้างการเติบโตโกลบอลมาร์เก็ตส์

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนายการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินในระยะสั้น เนื่องจากหลังจากที่ศาลรับคำร้อง เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 15 สตางค์ ซึ่งไม่ได้ผันผวนมาก และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 68 ที่ธนาคารคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5-2.1%
ขณะเดียวกันธนาคารเชื่อว่าทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนจะยังมีความผันผวนสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลต่อต้นทุนพลังงาน โดยประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยในไตรมาส 4/68 ในกรอบกว้างที่ 31.75-34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานสำคัญที่สหรัฐฯอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ และปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐจะกดดันดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากวัฏจักรเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวจะเอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงในระยะข้างหน้า อีกทั้งความกังวลของตลาดเกี่ยวกับสถานะการคลังสหรัฐฯ ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงผู้ค้าสำคัญของสหรัฐฯ มีเวลาเตรียมตัวตั้งรับด้วยการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบจากสงครามการค้า แม้ในกรณีที่ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์จะถูกจำกัดด้วยความเชื่อมั่นที่สูญเสียไป ซึ่งเป็นผลของนโยบายการค้าสุดโต่งและปรับเปลี่ยนไปมา
" คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีจากระดับ 1.75% ในปัจจุบัน เพื่อประคองเศรษฐกิจซึ่งเผชิญหลากหลายความเสี่ยงด้านขาลง"
ด้านนายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY กล่าวว่า กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จะยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยเช่นกัน
โดยในปี 68 กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนด 4 กลยุทธ์หลักซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่
1. การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG
2. การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่
3. การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล
4. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ซึ่งในไตรมาส 1/68 ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เติบโตมากกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปีนี้ และเราคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนายการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินในระยะสั้น เนื่องจากหลังจากที่ศาลรับคำร้อง เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 15 สตางค์ ซึ่งไม่ได้ผันผวนมาก และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 68 ที่ธนาคารคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5-2.1%
ขณะเดียวกันธนาคารเชื่อว่าทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนจะยังมีความผันผวนสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลต่อต้นทุนพลังงาน โดยประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยในไตรมาส 4/68 ในกรอบกว้างที่ 31.75-34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานสำคัญที่สหรัฐฯอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ และปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐจะกดดันดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากวัฏจักรเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวจะเอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงในระยะข้างหน้า อีกทั้งความกังวลของตลาดเกี่ยวกับสถานะการคลังสหรัฐฯ ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงผู้ค้าสำคัญของสหรัฐฯ มีเวลาเตรียมตัวตั้งรับด้วยการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบจากสงครามการค้า แม้ในกรณีที่ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์จะถูกจำกัดด้วยความเชื่อมั่นที่สูญเสียไป ซึ่งเป็นผลของนโยบายการค้าสุดโต่งและปรับเปลี่ยนไปมา
" คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีจากระดับ 1.75% ในปัจจุบัน เพื่อประคองเศรษฐกิจซึ่งเผชิญหลากหลายความเสี่ยงด้านขาลง"
ด้านนายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY กล่าวว่า กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จะยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยเช่นกัน
โดยในปี 68 กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนด 4 กลยุทธ์หลักซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่
1. การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG
2. การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่
3. การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล
4. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ซึ่งในไตรมาส 1/68 ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เติบโตมากกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปีนี้ และเราคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง