SELIC ติดอันดับ ESG100 ปี 68 ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำกาวอุตสาหกรรม สู่ธุรกิจที่ยั่งยืน

บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ผู้นำในธุรกิจกาวอุตสาหกรรม (Specialty and High Performance Adhesives) ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568 โดย สถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านการประเมินความยั่งยืนของภาคธุรกิจไทย นับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ที่ SELIC ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ตอบสนองต่อความคาดหวังของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC กล่าวว่า “ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับตัวและการเติบโตอย่างสมดุล คือหัวใจของความยั่งยืน SELIC จึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่เพียงในเชิงนโยบาย แต่ลงมือปฏิบัติจริงผ่านการพัฒนา 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติ๊กเกอร์และฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืน (Sustainability Policy) ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Products) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในอนาคต ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานแรงงาน ความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยรอบ รวมถึงการร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว”

  สำหรับการประเมิน ESG100 ปีนี้ ครอบคลุมหลักทรัพย์กว่า 921 รายการ รวมถึงบริษัทจดทะเบียน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยอ้างอิงจากข้อมูลกว่า 17,000 จุด ที่ได้จากแหล่งสำคัญ อาทิ แบบ 56-1 One Report, รายงานความยั่งยืน และฐานข้อมูลภายนอกต่าง ๆ ซึ่งสถาบันไทยพัฒน์ดำเนินการจัดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ตั้งแต่ปี 2558

“การได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องในฐานะหนึ่งในหลักทรัพย์ ESG100 ไม่เพียงสะท้อนความแข็งแกร่งขององค์กร แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้ SELIC ยกระดับศักยภาพในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคตในบทบาทผู้นำเทคโนโลยีกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล” นายณรงค์ กล่าวปิดท้าย