กระดานข่าว

แสนสิริ ผุดโปรเจกต์ “Future Harvest” นำร่องผลักดันปลูกกาแฟพันธุ์ดี ลดฝุ่นพิษ - เพิ่มรายได้ หวังเป็นโมเดลต้นแบบเกษตรยั่งยืนเชียงใหม่


17 มิถุนายน 2568
S__18784282.jpg

oในภาวะที่ภาคเหนือของไทยเผชิญปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 อย่างต่อเนื่อง แสนสิริ ในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศตระหนักถึงบทบาทของภาคธุรกิจ ในการร่วมสร้าง “การเปลี่ยนแปลง”  

oเกิดเป็นแนวคิดของโปรเจกต์ “Future Harvest” หรือการสนับสนุนต้นกล้าเพื่อขยายพื้นที่ในการเพาะพันธุ์กาแฟไทยให้กับเกษตรกร ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน 

oเปลี่ยนวิกฤต PM2.5 ให้กลายเป็นโอกาสสร้างป่า สร้างอาชีพ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ชุมชนเชียงใหม่ พร้อมตั้งเป้าขยายโมเดลนี้สู่ชุมชนอื่นในภาคเหนือ

สมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ เล็งเห็นปัญหามลภาวะทางอากาศในภาคเหนือ อันเกิดจากการเผาป่าที่เป็นสาเหตุหลัก จึงเกิดแนวคิดในการ ช่วยลดมลภาวะทางอากาศ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชน รวมถึงต่อยอดให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต เกิดเป็นโปรเจกต์การสนับสนุนต้นกล้ากาแฟ เพื่อขยายพื้นที่ในการเพาะพันธุ์กาแฟไทยให้กับเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราเรียกโปรเจกต์นี้ว่า “Future Harvest” 

+ กาแฟ พืชทางเลือกใหม่ แทนการเผาไร่ที่ทำลายป่า
ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ พืชเศรษฐกิจอย่างข้าวโพดและอ้อย ต้องใช้วิธีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก กลายเป็นหนึ่งในต้นตอของฝุ่นควันและการสูญเสียพื้นที่ป่า โครงการ “Future Harvest” จึงมุ่งเน้นส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์ดีที่สามารถปลูกวนในระบบเกษตร ช่วยรักษาป่า ลดการบุกรุก และเป็นแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร

ในปี 2024-2025 แสนสิริได้นำร่องสนับสนุนต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีจำนวน 5,200 ต้น ให้กับเกษตรกร 15 รายในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ คิดเป็นพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 26 ไร่ โดยมี "ไร่แสนชัย" ของ แสนชัย จูเปาะ เจ้าของไร่ Saen Chai Estate ที่ได้รับรางวัลในระดับประเทศ เป็นที่ปรึกษาและต้นแบบสำคัญในการปลูกและแปรรูปกาแฟพิเศษไทย 

ต้นกล้ากาแฟที่แสนสิริสนับสนุนนี้ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 57.2 ตันต่อปี ขณะเดียวกัน เกษตรกรยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตกาแฟที่ปลูก โดยเมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 ต้นกาแฟนี้ จะให้ผลผลิตเฉลี่ย 1 กิโลกรัมต่อต้น คิดเป็นรายได้รวมกว่า 1.56 ล้านบาทต่อปี และปีที่ 5 เป็นต้นไป รายได้อาจเพิ่มขึ้นถึง 2.73 ล้านบาทต่อปีจากผลผลิตที่มากขึ้น

แสนชัย เสริมว่า กาแฟยังสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับพืชผลดั้งเดิม โดยแต่ละครอบครัวสามารถมีรายได้ "หลักแสนบาทต่อครอบครัวต่อปี" ทำให้เกษตรกรสามารถส่งเสียลูกให้เรียน สร้างบ้าน มีรถ และเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นได้ แตกต่างจากพืชผลอื่น ๆ กาแฟมี "ตลาดโลก" ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาพ่อค้าคนเดียว และมีทางเลือกในการส่งออกหากราคาในประเทศต่ำ กาแฟยังเป็น "พืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย จึงช่วยปกป้องคุณภาพดิน แหล่งน้ำ และระบบนิเวศโดยรอบ ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนบนพื้นที่สูงที่ "รักป่า" และ "ไม่ต้องทำลายบ้านของพวกเขา" โดยเฉพาะ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น "ปอดของเอเชีย" จากพื้นที่ป่าที่กว้างใหญ่ ทำให้กาแฟเป็นเครื่องมือสำคัญในการอนุรักษ์  การปลูกกาแฟยังสอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น เป็นเหตุผลให้คนรุ่นใหม่ที่ไปศึกษาหรือทำงานในเมืองกลับมายังบ้านและครอบครัว ช่วยส่งเสริมความผูกพันในครอบครัว และช่วยให้ชุมชนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน โดยไม่ต้องถูกบังคับให้ตัดไม้ทำลายป่าหรือหันไปใช้การปฏิบัติที่ทำลายล้างเนื่องจากความสิ้นหวัง

"การเป็นผู้นำด้วยการเป็นแบบอย่าง แทนที่จะแค่บอกให้คนอื่นหยุดทำสิ่งที่ไม่ดี การแสดงให้เห็นว่ากาแฟเป็นอาชีพที่ "ยั่งยืน" และเป็นไปได้และความสำเร็จที่ทุุกคนได้เห็น จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นเปลี่ยน จากการทำเกษตรกรรมที่ทำลายล้าง มาเป็นการทำเกษตรสร้างสรรค์"

การนำร่องสนับสนุนต้นกล้าพันธุ์กาแฟไทยให้กับเกษตรกร ถือเป็นพันธุ์กาแฟที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกและมีความต้องการสูง นอกจากนี้ การปลูกกาแฟยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืนในระยะยาว และช่วยเพิ่มพื้นที่ป่า ลดมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ 
 
+ “Future Harvest” สอดคล้องกับแนวทาง ESG แสนสิริ 
โปรเจกต์ “Future Harvest” ยังนับเป็นโครงการที่สอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) ของแสนสิริในทุกมิติ ทั้งในด้าน Environment (E) แสนสิริได้ดำเนินการสนับสนุนให้เกษตรกรลดการเผาไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดการปล่อยคาร์บอน ส่วน Social (S) แสนสิริพยายามสร้างอาชีพทางเลือกให้เกษตรกรในท้องถิ่น เช่น ธุรกิจด้านกาแฟ และ Governance (G) ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน

+ ติดตามผลและต่อยอดโครงการ
แนวทางการปฏิบัติของโครงการ “Future Harvest” ไม่เพียงแต่ลงมือทำ แต่ยังมีระบบลงทะเบียนเกษตรกร และมีทีมของคุณแสนชัยร่วมดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกิจกรรมลงพื้นที่ประจำปีโดยทีมแสนสิริ เพื่อประเมินและส่งเสริมการดูแลต้นกล้าอย่างต่อเนื่อง

อนาคตในระยะต่อไป แสนสิริมีแผนขยายการแจกต้นกล้ากาแฟสู่กลุ่มเกษตรกรรายใหม่ และต่อยอดสู่พื้นที่อื่น ๆ เพื่อขยายผลสำเร็จจาก อ.กัลยาณิวัฒนา ไปสู่ชุมชนที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนผ่านจากการเผาป่า สู่การอนุรักษ์ป่าด้วยโมเดลกาแฟยั่งยืน

"เราหวังว่าการช่วยเหลือเกษตรกรครั้งนี้ จะช่วยให้อำเภอกัลยาณิวัฒนา ที่นำโดย ไร่แสนชัย สามารถเป็นพื้นที่ต้นแบบที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และขยายผลสู้พื้นที่อื่นได้ และเกษตรกรที่ได้รับต้นกล้ากาแฟไปสามารถนำไปเพาะพันธุ์ เพื่อส่งมอบให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ต่อไปได้ ส่งเสริมให้เขาได้เรียนรู้ในการเป็นผู้รับและผู้ให้ในเวลาเดียวกัน ในระยะถัดไป อาจขยายผลไปยังอำเภอใกล้เคียงหรือพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า" สมัชชากล่าว