TESGX พา SET ไปไม่ถึงฝัน เหตุนลท. ถอดใจขาย LTF หวังถือเงินสด โบรกฯ เตือนระวังจะไม่มีเม็ดเงินเข้ามาอีก

TESGX เม็ดเงินไหลเข้าน้อยกว่าเงินออกจาก LTF โบรกฯ มองความหวังTESGX ช่วยเติมสภาพคล่องตลาด-ดันดัชนี อาจเป็นไปได้ยาก คาดจากพ้นเดือนมิ.ย. เตือนระวังเม็ดเงินไหลออก LTF มาจำกัดอัพไซด์ตลาด

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้มุมมองว่าจากการตรวจสอบข้อมูลในสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่4-6 มิถุนายน) พบว่ามีเม็ดเงิน Subscription ในกองทุน Thai-ESGX อยู่ที่ราว 2 พันล้านบาท แต่เม็ดเงินที่ถูก Redemption ออกจากกองทุน LTFกลับมียอดสูงกว่าราว 3 พันล้านบาท 

โดยน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เห็นยอดการขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศออกมาในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ เรามองว่าอาจอธิบายถึงเหตุผลของตัวเลขดังกล่าวได้ดังนี้

1.นักลงทุนที่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีผ่านการสับเปลี่ยนกองทุน LTF ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองหุ้นไทย 100% นั้น ตัดสินใจสับเปลี่ยนเข้าสู่กองทุน TESGX ปลายทางที่ไม่ใช่เป็นกองหุ้นไทย 100% เช่น กองหุ้น : พันธบัตร 70 : 30 และกองที่มีส่วนผสมการลงทุนของหุ้นต่างประเทศ

2.นักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน TESGX ยอดใหม่ที่ 3 แสนบาทต่อรายนั้น ยังชะลอดูท่าที่การลงทุนอยู่หรืออาจรอใช้สิทธิ์การซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือนนี้

3.นักลงทุนบางส่วนถอดใจ และตัดสินใจขายกองทุน LTF เพื่อนำเงินสดออก โดยไม่ได้นำกลับมาลงทุนใหม่

ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อไหนจากข้างต้นจะมีน้ำหนักมากกว่า อาจถึงจุดที่ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ใครหลายคนเคยคาดหวังว่าโครงการ TESGX จะช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทย จนนำมาสู่การปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้น ถือเป็นเรื่องยากแล้ว และอาจต้องมองเป็นปัจจัยที่ช่วยประดับประคองดาวน์ไซด์ของดัชนีในเดือนนี้มากกว่า 

แต่อย่างไรก็ดี ที่น่าสนใจไปกว่านั้น หากผ่านพ้นเดือนมิถุนายนนี้ไปแล้ว สิ่งที่ต้องระวังก็คือว่าเม็ดเงินขาเข้าในกองทุน TESGX จะไม่มีอีกแล้ว แต่เม็ดเงินขาออกจากกองทุน LTF จะยังเกิดขึ้นได้ต่อ 

ดังนั้น ด้วยขนาดของกองทุน LTF ทั้งระบบในปัจจุบันที่มีมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท อาจกลายมาเป็นปัจจัยจำกัดอัพไซด์ที่สำคัญของตลาดหุ้นไทยช่วงถัดไป จากแรงขายที่จะปรากฏออกมาในทุกช่วงเวลาที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้น