เปิดรายชื่อ 10 กองทองคำเด่น ทำผลงานปี 68 บวกแรงเกินต้าน

หากพูดผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ของตลาดทุนช่วงปี 2568 นักลงทุนหลายคนคงยกให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นที่สุด ซึ่งในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้การรวบรวมข้อมูลกองทุนรวมทองคำที่มีผลตอบแทนสูงที่สุดในปีนี้ 10 อันดับแรกมานำเสนอแก่ผู้อ่านกัน

โดยเริ่มที่กองแรก ก็คือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง ทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-H หรือ ES-GOLDRMF-H ที่ผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้น 26% ซึ่งมีนโยบายลงทุนโดยตรงในทองคำแท่งในต่างประเทศเป็นหลัก ผ่านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ถัดมา กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBGOLDHE ผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้น 25.88% โดยจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ETF ทองคำต่างประเทศ คือ SPDR Gold Trust ด้วยสกุลเงินต่างประเทศ และเป็นกองทุนที่ไม่มีค่าธรรมเนียม

ต่อมาเป็น กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ I-GOLDRMF หนึ่งในกองทุนลดหย่อนภาษีบุคคล โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้น 25.87% ซึ่งจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว

กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลด์ อินคัม E หรือ PRINCIPAL iGOLD-E ผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้น 25.74% ซึ่งมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเป็นกองทุนที่ไม่มีค่าธรรมเนียม

กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดรองรับกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ หรือ TGOLDRMF-P ก็เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ลงทุนในทองคำผ่านกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนหลัก แต่ความแตกต่างของกองดังกล่าวที่จะนอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษี ยังช่วยให้มนุษย์เงินเดือนที่มีกองสํารองเลี้ยงชีพโยกเงินเข้ามาที่กองได้ ซึ่งผลงานตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นมา 25.65%

กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ฟันด์ – H หรือ UOBSG – H ที่ผลงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 25.33% ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เช่นเดียวกันกับกองทุนอื่นๆ รวมทั้งมีความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเป็นการลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์เฮดจ์ หรือ KF-HGOLD โดยได้ลงทุนในต่างประเทศและเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมทองคำแบบทั่วไป ในส่วนของผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้น 25.28%

กองทุนเปิด แอล เอช โกลด์ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ LHGOLD-A ที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนหลักเช่นเดียวกัน และจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสกุลเงินหลัก ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้น 25.23%

กองทุนเปิดอีสท์สปริง Gold Singapore หรือ ES-GOLDS ก็เป็นในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนต่างประเทศ อย่าง SPDR Gold Trust เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่ง Gold Bullion เป็นกองทุนหลัก โดยผลการดำเนินงานของกองตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันก็ได้ปรับตัวขึ้นมา 24.99%

และสุดท้าย กับกองทุนเปิดเค โกลด์-A ชนิดสะสมมูลค่า หรือ K-GOLD-A(A) ซึ่งยังคงเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนล้อไปกับกองทุนก่อนหน้า หรือก็คือมีนโยบายลงทุนในกองทุนต่างประเทศ SPDR Gold Trust เป็นกองทุนหลัก โดยผลการดำเนินงานจากต้นปีถึงปัจจุบันก็ได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 24.92%