นอกจากข่าวสารมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯที่เหล่านักลงทุนได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เชื่อวว่านโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตามด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นตัวกำหนดผลการดำเนินงานของเหล่าบริษัทจดทะเบียนที่นักลงทุนมีติดอยู่ในพอร์ตลงทุน
ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงอยากจะหยิบยกมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนกันในครั้งนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลงในอัตราเร่ง อายุ 1ปี อยู่ที่ 1.51% เช่นเดียวกับ อายุ 5 ปี 0.03% มาที่ 1.51% อายุ 10 ปี 0.07% ที่ 1.67% แม้ต่างชาติสลับกลับมาขายพันธบัตรอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ดี ประเมินปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้สัญญาณถึงตลาดเชื่อว่า ภาวะช็อกจากนโยบายระดับโลกจากทรัมป์ 2.0 สร้างดาวน์ไซด์แรงกว่าทั้งมาตรการที่สหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้ที่น่าจะเกิดขึ้น, เงินเฟ้อในเอเชีย “ไม่ดื้อ” แบบสหรัฐฯ, จีนกำลังผ่อนคลายมากขึ้น และ Spillover ไปยังภูมิภาค
รวมถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจที่รออยู่ต่อการฟื้นตัวจากช่วงวิกฤติ COVID ที่ยังไม่เต็มที่ ผสาน การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจลงทุนเพิ่มขึ้นใน New S Curve ใหม่ๆ และการที่เงินเฟ้อกำลังลงสู่กรอบเป้าหมายหรือต่ำกว่าของหลายประเทศ (ยกเว้นสหรัฐฯ) ผสานประเด็นกระแสเงินทุน คาดนำมาสู่ภาพธนาคารกลางในเอเชียต้อง “Pre-emptively Cut” (ลดดอกเบี้ยเชิงรุก)
โดยจากปัจจัยดังกล่าว ผสานกับเส้นอัตราผลตอบแทนในตลาด สะท้อนภาพนักลงทุนต่างชาติและไทย ประเมินวงจรดอกเบี้ยขาลงในเอเชียและไทยจะเร่งตัว และสะท้อนตลาดมองว่าการประชุมกนง. 25 มิ.ย มีโอกาสกว่า 90% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยลงอีก ราว 0.25%
ดังนั้น กลยุทธ์จึงมองเป็นบวกต่อวงจรดอกเบี้ยขาลงที่จะเร่งตัว จนถึงจุดวัฏจักรการลงทุนรอบใหม่(New Capex Cycle) ในเอเชียและไทย หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยลง
เฟสที่ 1 กลุ่มแรกที่จะได้ประโยชน์ทางตรง
1.กลุ่ม ระบบนิเวศของเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานรับกระแส FDI กำลังไหลเข้าไทยในฐานะ DCs Hub of SEA อีกทั้งมีกระแสเงินสดระยะยาวแข็งแกร่ง คือ โรงไฟฟ้า (GULF, GPSC) , กลุ่ม ICT (ADVANC, TRUE)
2.กลุ่มสินเชื่อผู้บริโภคและลีสซิ่ง จะมีมาร์จิ้นกว้างขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง MTC(คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่ากลุ่ม จะหนุนการเร่งปล่อยสินเชื่อ), SAWAD(กรณีเศรษฐกิจทรุดตัวจากตลาดคาดไม่มาก จะกลับตัวไวจาก การฟื้นตัวของธุรกิจ
3.กลุ่มหนี้สูง แต่กระแสเงินสดยังแข็งแกร่ง จะช่วยลดดอกเบี้ยจ่าย CPALL, BJC
เฟสที่ 2 กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดีมานด์ฟื้นใน 6 เดือน หลังดอกเบี้ยขาลงมีผลบวกกับความเชื่อมั่นดีขึ้น
1.ธนาคารพาณิชย์ NPL ลด, ปล่อยกู้เริ่มกลับมา, วงจรสินเชื่อฟื้น เน้น KBANK, KTB, BBL
2.การบริโภคและค้าปลีก ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่าย,ความต้องการฟื้นตัว CPALL, CPAXT, BJC
3. โลจิสติกส์และการขนส่ง ปริมาณจะกลับมา พร้อมมาร์จิ้นขยาย เน้น WICE
เฟสที่ 3 กลุ่มเม็ดเงินลงทุนใหม่(New CAPEX) เริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
1. นิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน: ความต้องการโรงงานและคลังสินค้าใหม่ เน้น AMATA, WHA, STECON
2. ฮาร์ดแวร์เทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ HANA, ADVICE
3.สินค้าโภคภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ รองรับเม็ดเงินลงทุนทั่วโลกกับการย้ายฐานการผลิตกลับมายังจีน PTTGC, SCC, SCGP, IVL
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
ก.ล.ต. ฟาด JKN สั่งแก้ไขงบปี 66 หลัง “เจ๊แอน” โดนลงโทษเหตุตกแต่งบัญชี ขีดเส้นตายต้องรีบเผยแพร่ 11 ก.ค.นี้
%20copy2_0.jpg)
7 หุ้นเด่นได้ผลบวก เมื่อสหรัฐฯ-จีน ดีลการค้าผ่านฉลุย ส่งซิกอาจขยายเวลาเก็บภาษีคู่ค้าอื่น
_0.jpg)
“สารัชถ์” ขยับพอร์ต! ตั้งแต่ต้นปีทุ่มซื้อ GULF 3 รายการ มูลค่ากว่า 1.7 พันลบ.
_0.jpg)
SCC เตรียมลดสัดส่วนใน CAP โบรกฯชี้ อาจบุ๊กกำไรพิเศษ แถมช่วยลดภาระส่วนแบ่งขาดทุน
_0.jpg)