ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “บมจ. อินดิจี” เสนอขาย IPO 28 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้า mai ยกระดับผู้นำด้านที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ครบวงจร
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ. อินดิจี หรือ IDG ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับองค์กร โดย บมจ.อินดิจี มีความเชี่ยวชาญสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Microsoft และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Transformation+ ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเอง ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 24 ปี เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 28 ล้านหุ้น และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่ง อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ของ บมจ. อินดิจี หรือ IDG ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 28,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) ภายในปี 2568
บมจ. อินดิจี หรือ IDG ประกอบธุรกิจที่ปรึกษา ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) และพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) แบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำที่ทันสมัย มาวางโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Simplify Work, Amplify Innovation” โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการทำงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร และเสริมศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุม ทำให้บริษัทฯ สามารถออกแบบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ พร้อมบูรณาการการทำงานกับระบบคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐาน IT และแอปพลิเคชันที่หลากหลายภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยจุดเด่นของ บมจ. อินดิจี ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่ยาวนานมากกว่า 24 ปี ด้านการให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบดิจิทัลให้กับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาระบบงานที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง
บริษัทฯ ยังมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบบริหารจัดการทำงาน ทั้งในรูปแบบรวมศูนย์และกระจายศูนย์ ซึ่งครอบคลุมการบริหารจัดการองค์กรในทุกมิติ ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทั้งทรัพยากร และกระบวนการทำงานทุกจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้สอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวขององค์กร
นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับองค์กร เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การจำหน่ายซอฟต์แวร์ 2.การให้บริการให้คำปรึกษา การพัฒนาระบบ การให้บริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ และ 3.การให้บริการอื่น ๆ
โดยบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารทรัพยากรและกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ พร้อมรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อผลักดันการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว และในครั้งนี้นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่บริษัทฯ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และรองรับการเติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษา และพัฒนาโซลูชันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับสากล ที่องค์กรชั้นนำไว้วางใจ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ในปี 2565 - 2567) มีรายได้รวม 125.95 ล้านบาท 115.01 ล้านบาท และ 127.26 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ในปี 2565 - 2567) อยู่ที่ 22.58 ล้านบาท 11.09 ล้านบาท และ 15.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 17.93 ร้อยละ 9.64 และร้อยละ 11.96 ของรายได้รวมในงวดเดียวกัน ตามลำดับ และในงวด 3 เดือนแรก ของปี 2567 และ 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 5.37 ล้านบาท และจำนวน 5.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 16.92 และร้อยละ 15.86 ของรายได้รวมในงวดเดียวกัน ตามลำดับ โดยคิดเป็นโครงสร้างรายได้ 4 ประเภท ได้แก่ 1.รายได้จากการขายซอฟต์แวร์ 2.รายได้จากการบริการพัฒนาระบบดิจิทัล 3.รายได้จากค่าบริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ 4. รายได้จากค่าบริการอื่นๆ โดยการเติบโตของรายได้และกำไร เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เติบโตเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม
ยอดนิยม

“ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์” CEO PLANB ไล่เก็บหุ้นราคาระดับ 5–8 บาท สะสมรวมกว่า 1,020 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจระยะยาว
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)
ค่าเงินบาทวันนี้ 9 มิ.ย. 2568

AWC ร่วมกับ IHG นำแบรนด์ Kimpton มอบประสบการณ์ลักชัวรีไลฟ์สไตล์ เสริมความพิเศษโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช”

ราคาทองวันนี้ 9 มิ.ย. 68 เปิดตลาดปรับลด 300 บาท รูปพรรณขายออก 51,950 บาท
