กระดานข่าว

PRM จัด Analyst Meeting และ Opp Day โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรกระโดด กางแผนธุรกิจ เร่งขยายกองเรือ-บุกตลาดใหม่


06 มิถุนายน 2568
PRM วางรากฐานอนาคตแข็งแกร่ง! จัด Analyst Meeting และ Opp Day โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ทะลุ 769 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายกองเรือ และเจาะตลาดใหม่ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

S__17981459_11zon.jpg
 
นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี พร้อมด้วย นายพชร รอดสมบูรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ร่วมแถลงข้อมูลบริษัทฯ ในงานประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Analyst Meeting) และงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ประจำไตรมาส 1/2568 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้
 
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2568 เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง สามารถทำกำไรสุทธิสูงถึง 769.4 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 57.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 และ 30.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลประกอบการที่โดดเด่นนี้ มาจากการลงทุนในเรือลำใหม่เพิ่มเติมในธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel “OSV”) ภายใต้สัญญาระยะยาว ส่งผลให้ธุรกิจมีรายได้และกำไรมั่นคงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการวางรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
 
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมของรายได้ไตรมาส 1/2568 จะปรับตัวลงเล็กน้อย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการนำเรือใหญ่เข้าอู่ซ่อมบำรุงตามแผน การปลดระวางและขายเรือ FSU ออกไป 1 ลำ ซึ่งเรือที่ซื้อเข้ามาทดแทนยังอยู่ในช่วงการเข้าอู่เพื่อปรับปรุงเรือ รวมถึงเรือ FSO เริ่มกลับมาให้บริการเพียง 1 เดือนในไตรมาส 1/2568 โดยบริษัทคาดว่าหลังจากเรือใหม่เข้าให้บริการครบถ้วนแล้ว รายได้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติพร้อมการเติบโตต่อตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 เป็นต้นไป
 
สำหรับแนวโน้มและกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจ PRM นำเสนอเป็น 3 ส่วน คือ ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (Petroleum and Chemical Tankers “PCT”) โดยกล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะมีการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่การบริโภคน้ำมันเบนซินในประเทศยังคงทรงตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย PRM ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งธุรกิจนี้มีปัจจัยสนับสนุนคือปริมาณการขนส่งน้ำมันอากาศยาน Jet A1 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการคลี่คลายของสถานการร์ COVID-19 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยจะลดลงในบางช่วงเวลา แต่ PRM เดินหน้าขยายตลาดการขนส่งน้ำมันอากาศยานไปยังลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ที่สำคัญ โดยล่าสุด PRM ยังได้เดินหน้าขยายกองเรือเพิ่มอีกจำนวน 6 ลำ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อเรือ โดยเรือลำแรกมีกำหนดรับมอบในเดือนสิงหาคมปี 2569 ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง สร้าง Economy of Scale และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ
 
ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage Unit “FSU”) นับตั้งแต่สิ้นปี 2567 PRM ได้วางแผนปรับพอร์ตการให้บริการเรือ FSU โดยตัดสินใจปลดระวางเรือที่มีอายุมากออกจากการให้บริการจำนวน 1 ลำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสภาพเรือที่มีอายุการใช้งานมาก และรับมือกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้า โดยบริษัทสามารถสร้างผลกำไรจากการขายเรือในไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมาได้ถึง 163 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจ FSU จะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังการเริ่มให้บริการของเรือลำใหม่ "Kirin Star" ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงได้รับอานิสงค์จากราคาต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง
 
ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel “OSV”) บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในธุรกิจ OSV อย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาวัฏจักรการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทางทะเล พบว่าความต้องการใช้เรือในกลุ่มนี้ตั้งแต่ในช่วงการผลิต (Operation) ไปจนถึงการรื้อถอนแท่นผลิตกลางทะเล (Decommissioning) ครอบคลุมระยะเวลามากกว่า 20 ปี ยังคงมีสูง โดยปัจจุบัน PRM มีเรือให้บริการในธุรกิจนี้มากถึง 3 ประเภท ได้แก่ AWB, Crew Boat และ FSO ในขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าเชิงรุกจัดหาเรือ AHTS (Anchor Handling Tug Supply Vessel) เพื่อนำมาให้บริการเพิ่มเติม เตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจในอนาคตและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ครบวงจรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ PRM ยังมีกองเรือ OSV ที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานในตลาดประเทศไทย เนื่องจากเรือที่ใหม่กว่าสามารถควบคุมต้นทุนน้ำมันได้ดีกว่า มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานที่มากขึ้น
 
สุดท้ายนี้ PRM มั่นใจว่า ปี 2568 นี้จะเป็นอีกปีที่บริษัทฯ​ สามารถแสดงถึงศักยภาพการเติบโตตามแผน ด้วยเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจนและมุ่งเน้นการทำการตลาด สร้างรายได้และผลกำไรจากแหล่งใหม่ๆ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพจากธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการด้านต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้ากลุ่มพรีเมียม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ PRM บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
PRM