SCL โตสวนเศรษฐกิจโลก รับดีมานด์ซ่อมบำรุงรถยนต์สะสมในประเทศ เผยงบ Q1/68 กำไรโตกว่า 10% มั่นใจเป้ายอดขายทั้งปีแตะ 2,000 ลบ.
SCL โชว์ศักยภาพเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก รับดีมานด์ซ่อมบำรุงรถยนต์ในประเทศพุ่ง จากฐานรถยนต์สะสมกว่า 20 ล้านคัน พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 แตะ 2,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 15% เดินหน้าขยายตลาดอะไหล่ครอบคลุมทั้งรถใช้งานทั่วไป ไฮบริด และ EV ล่าสุดกำไรไตรมาส 1/68 โต 10.18% จากยอดขายอะไหล่ทดแทนและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ตอกย้ำการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและความพร้อมสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น
นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล. มอเตอร์พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL หนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และได้รับอานิสงส์จากเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษารถคันเดิมมากขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ประกอบกับความผันผวนจากปัจจัยสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ยังมีแรงกดดันจากทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อยอดขายรถใหม่ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในครั้งนี้ของ SCL คือตลาดรถยนต์สะสมในประเทศ หรือรถยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 20 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ SCL ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ตลาดรถใหม่จะยังชะลอตัว
“SCL ไม่ได้พึ่งพาตลาดส่งออก โดยโฟกัสตลาดในประเทศที่มีโครงสร้างชัดเจน และความต้องการใช้อะไหล่คุณภาพอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เรามีจุดแข็งจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างๆ (Genuine Parts) และอะไหล่ทดแทน (Replacement Parts) ที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งมีสินค้าครอบคลุมกว่า 170,000 รายการ พร้อมเสริมศักยภาพด้วยระบบการจัดการภายในศูนย์กระจายสินค้าให้ทันสมัย รองรับการขยายตลาดในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในตลาดรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามา ปัจจุบัน ได้เริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถ EV และเตรียมขยายไลน์สินค้ากลุ่มนี้เพิ่มเติม” นายสกล กล่าว
สำหรับเป้าหมายปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะระดับ 2,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,700 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิรวม 13.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% และมีรายได้จากการขายรวม 471.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.77% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดรถยนต์ใหม่ยังชะลอตัวจากนโยบายสินเชื่อที่เข้มงวด แต่ความต้องการในการซ่อมบำรุงยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายในกลุ่มอะไหล่ทดแทนที่เพิ่มขึ้นจากการมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และการนำเข้าสินค้าใหม่
นอกจากนี้ ความสามารถในการควบคุมต้นทุนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนกำไร โดย SCL สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 10.09 ล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายทางการเงินลงเหลือ 3 ล้านบาท จาก 5.11 ล้านบาทในปีก่อน คิดเป็นการลดลงกว่า 41% อันเป็นผลจากการบริหารต้นทุนเงินกู้ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการลดลงของดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
“เรายังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และมุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 SCL ได้จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.08 บาท รวมมูลค่า 20 ล้านบาท ตอกย้ำความตั้งใจในการเติบโตอย่างมั่นคง” นายสกลกล่าวทิ้งท้าย
ยอดนิยม

KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier แนะให้บริหารความเสี่ยง พร้อมสร้างโอกาสในช่วงตลาดผันผวนไปกับกองทุน K-ALLROADS Series

บี.กริม มั่นใจลงทุนเวียดนาม เติบโตระยะยาว การเปลี่ยนผ่านนโยบายส่งผลกระทบน้อย

GUNKUL จับมือ กฟผ. คว้างานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500kV ต่อยอดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ EEC เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

KJL ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เผยผลงาน Q1/2568 ในงาน Opportunity Day
