โบรกฯชี้การเมืองยังคลุมเครือ จะกดดันหุ้นไทยต่อไปอีก 1 เดือน หากชัดเจน อาจหนุนโฟลว์ไหลเข้าไทย

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงมา 4.23% จากปัจจัยร้อนแรงของการเมืองในประเทศตั้งแต่ 13 พ.ค.68 –21 พ.ค.68 ทั้งปมชั้น 14 แพทย์สภาสั่งสอบหมอ-พยาบาลทั้งหมด และมีบุคคลร้องเรียน กกต.ให้ยุบพรรคภูมิใจไทยซึ่งทำให้ฉากทัศน์ของการพรรคร่วมรัฐบาลสั่นคลอน 

รวมถึงวันนี้เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุด นัดชี้ขาด ‘ยิ่งลักษณ์ชินวัตร’ คดีทุจริตจำนำข้าวต้องชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาทหรือไม่ ซึ่งมีโอกาสที่ประเด็นนี้จะกดดันหุ้นไทยต่อเนื่องไปอีกราว 1 เดือนจากศาลฎีกาสั่งไต่สวนปมบังคับโทษ 'ทักษิณ‘ ผิดขั้นตอนทางกฎหมาย และต้องกลับไปรับโทษที่เหลืออยู่หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทในปัจจุบันยังอยู่ในโซนแข็งค่า 32.50 บาทต่อเหรียญฯ จาก DOLLAR INDEX ที่อ่อนค่า

ในช่วงสั้นและฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าสู่ประเทศไทยทั้งตราสารหนี้และตลาดหุ้น โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาซื้อสุทธิทั้ง 2 ตลาดกว่า 10,459 ล้านบาท และ 1,251 ล้านบาท ตามลำดับ โดยระยะถัดไปหากการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้นน่าจะยิ่งหนุนให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ไม่ยาก

ขณะที่ในมุมผลตอบแทนรายอุตสาหกรรม(จากต้นเดือนถึงปัจจุบัน) จะเห็นได้ว่ามีหลายอุตสาหกรรมที่ OUTPERFORM ตลาด อาทิ กลุ่มบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 10.3%, กลุ่มปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 9.3%, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น7.5%, กลุ่มวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 4.0%, กลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 2.3% และกลุ่มไอซีทีเพิ่มขึ้น 0.8% ตามลำดับ

ดังนั้น คาดว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวน่าจะ OUTPERFORM  ตลาด ได้ต่อไปในช่วงนี้ จากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์อ่อนมักหนุนหุ้นฝั่งเอเชียเริ่ม OUTPERFORM กว่าตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน ดังนั้นแนะนำ หุ้น CHINA PLAY คือ SCGP IVL SCC PTTGC และ หุ้นรับบาทแข็ง GULF GPSC EGCO เป็นต้น