Wealth Sharing

5 หุ้นโรงแรม หมดเสน่ห์หรือยัง เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มหาย


15 พฤษภาคม 2568

ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญต่อการผลักดันจีดีพีของประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนอกจากการท่องเที่ยวกันเองของบุคคลในประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างรายได้และการจับจ่ายใช้สอยด้วยเช่นกัน

5 หุ้นโรงแรม หมดเสน่ห์หรือยัง_S2T (เว็บ) copy.jpg

แต่อย่างไรก็ดี สถานการณ์ล่าสุดของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับไม่สู้ดีนัก เมื่อการท่องเที่ยวไทยออกมาเปิดเผยจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะปรับลงคาดว่าจะเป็น 35.5 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวจะทำให้หุ้นโรงแรมน่าสนใจน้อยลงหรือไม่นั้น ไปฟังมุมมองจากนักวิเคราะห์กัน

เริ่มกันที่ MINT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท เนื่องจากมูลค่าหุ้นยังถูกกว่ากลุ่ม นอกจากนี้จะได้รับผลกระทบของนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงน้อยกว่ากลุ่ม รวมไปถึงผลประกอบการในไตรมาสจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้และไตรมาส 2/68 จะทำจุดสูงสุดของปี

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่คาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดของปีในช่วงไตรมาส 2/68 จากไฮซีซั่นที่ยุโรป ขณะที่ MINT มีแผนจะลดหนี้เพิ่มเติมและจะมีการลด CAPEX ลงเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะช่วยหนุนให้ดอกเบี้ยจ่ายมีโอกาสลดลงมากกว่าคาดได้

CENTEL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลง ได้สะท้อนปัจจัยลบเรื่องไปมากแล้ว และช่วงปลายไตรมาส 2/68 หุ้นจะเริ่มกลับมาน่าสนใจมากขึ้น จากมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยกระตุ้นดีมานด์ในช่วงโลว์ซีซั่นและการเปิดสนามบินใหม่ของมัลดีฟส์ช่วยรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

ERW นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.6 บาท พร้อมกับปรับลดประมาณการกำไรปี 2569-2570 ลง 1-2% เพื่อสะท้อนตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าชาวจีนที่ชะลอตัวและผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว แม้ว่าหุ้นจะมีปัจจัยกดดันหลายประการและขาดปัจจัยบวกระยะสั้น เชื่อว่า ERW มีความคุ้มค่าจากมูลค่าหุ้นที่ต่ำเพียง 13 เท่า และราคาหุ้นยังสะท้อนข่าวร้ายไปเกือบหมดแล้ว

SHR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 1.85 บาท เพราะสถานการณ์กลุ่มท่องเที่ยวโดนแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดจากนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับ Tariff ที่จะส่งผลให้ภาพเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลง ซึ่งกระทบโดยตรงต่อกลุ่มท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ดี SHR มี P/BV เพียง 0.4 เท่า ซึ่งถูกที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว

ทั้งนี้ แม้ว่ากำไรไตรมาส 1/68 จะออกมาดีกว่าคาด แต่เป็นเรื่องภาษีรับ-จ่ายที่ประเมินยากมาก ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133% จากการไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives และมีการบริหารค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ดีขึ้น ขณะที่คาดกำไรไตรมาส 2/68 จะพลิกกลับมาเป็นขาดทุน แต่จะฟื้นตัวช่วงเดียวกัน และหดตัวจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่ไทยและมัลดีฟส์

AWC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท จากการปรับลดประมาณการกำไรลงสะท้อนแนวโน้มธุรกิจโรงแรม (75% ของรายได้) อาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 14% ของลูกค้า ขณะที่โรงแรมของบริษัททั้งหมดตั้งอยู่ในประเทศไทย

โดยเราคาดว่า AWC จะมีกาไรเติบโตเฉลี่ยราว 17% ต่อปีในช่วงปี 2568-2570โดยการเติบโตหลักมาจากการเปิดโรงแรมใหม่ ทั้งนี้ธุรกิจให้เช่าและพาณิชย์คิดเป็นราว 25% ของรายได้ อาจช่วยพยุงผลประกอบการได้บางส่วน หากโรงแรมได้รับผลกระทบ มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนการเติบโตไปแล้ว โดยปัจจุบัน AWC ซื้อขายอยู่บน P/E  ที่ 35 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรม

5 หุ้นโรงแรม หมดเสน่ห์หรือยัง_S2T (เพจ) copy.jpg