เรื่องเด่นวันนี้

SMD100 ปรับโครงสร้างครั้งสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็น “แพลตฟอร์มสุขภาพระดับประเทศ”


15 พฤษภาคม 2568
SMD100 ลุยปรับโครงสร้างการบริหารระดับสูง หวังสร้างความชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตแบบองค์รวม ดำเนินการตามแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะกลางและระยะยาว ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่บทบาท “ศูนย์กลางแพลตฟอร์มสุขภาพแห่งเอเชีย” ด้วยแนวคิด “ไม่มียุคใหม่ หากไร้กระบวนทัศน์ใหม่”

SMD100 ปรับโครงสร้างครั้งสำคัญ_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ SMD100 เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารระดับสูงขององค์กร 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเชิงยุทธศาสตร์ของกลุ่มธุรกิจในเครือเข้าสู่ระบบการดำเนินงานในลักษณะแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ (Platform-Based Growth) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็น “แพลตฟอร์มสุขภาพระดับประเทศ” (National HealthTech Platform) ที่มีบทบาทเชิงระบบต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ และนวัตกรรมของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21

1. การปรับโครงสร้างการบริหาร: สร้างความชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตแบบองค์รวม

ในการปรับโครงสร้างครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงตามสายงานธุรกิจหลักอย่างเป็นระบบ โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ให้มีความชัดเจนในเชิงกลยุทธ์ ทั้งในระดับบริษัทแม่และบริษัทในเครือ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะกลางและระยะยาว โดยมีรายชื่อและตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงภายใต้โครงสร้างใหม่ ดังต่อไปนี้:

รายชื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Leadership Team)

 1. ดร. วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์
Co-Founder
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานกรรมการบริหารทุกบริษัทในเครือ
หัวหน้าสถาปนิกนโยบายสุขภาพแห่งอนาคตของกลุ่มบริษัท

 2. ดร. รมณ วสุศุทธิกุลกานต์
Co-Founder
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ
เลขานุการบริษัท
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด

 3. นางสาวโสรัจจา บุญประสิทธิ์
Co-Founder
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดีไอ จำกัด

 4. นายทวีศักดิ์ บุญประสิทธิ์
Co-Founder
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี เจเนซิส จำกัด

 5. นายกฤตธรรม ง่วนสำอางค์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี คอนเน็กซ์ จำกัด

 6. นางสาวประภัสสร ปฐมาภินันท์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี 
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน)

โครงสร้างการบริหารใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของบริษัทให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และการขยายบริการในระบบสุขภาพแห่งอนาคต

2. ผลประกอบการไตรมาส 1/2568: ขาดทุนเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนการลงทุนเพื่ออนาคต

ในไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 26.47 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายบริหารชี้แจงว่าเป็น “การขาดทุนเชิงกลยุทธ์” (Strategic Loss) อันเป็นผลจากการลงทุนเชิงรุกเพื่อวางโครงสร้างระบบบริการใหม่ ปรับสายผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มสุขภาพอนาคต และสร้างระบบดิจิทัลรองรับการเติบโตของแพลตฟอร์ม

พร้อมกันนี้ บริษัทมี Backlog ที่รอส่งมอบมูลค่ารวมประมาณ 423 ล้านบาท โดยกระจายอยู่ในกลุ่มธุรกิจสำคัญ ดังนี้:

 • 34% กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการนอน (Sleep Products Portfolio)
 • 23% กลุ่มผลิตภัณฑ์รังสีวินิจฉัย (Radiology Products Portfolio)
 • 22% กลุ่มผลิตภัณฑ์เวชบำบัดวิกฤต (Critical Care Products Portfolio)

ตัวเลข Backlog ดังกล่าวสะท้อนถึงการวางรากฐานที่มั่นคง และแนวโน้มการเติบโตที่มีศักยภาพสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ของบริษัท

3. ความสำเร็จในธุรกิจ SLEEPVERSE และ WELLNESS 10S

 • บริษัทได้เปิดให้บริการ ศูนย์ตรวจการนอนหลับ 3 แห่ง รวม 23 ห้องตรวจ ได้แก่
 1. ศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์ (11 ห้อง)
 2. ศูนย์ เอ็สเอ็มดีเอ็กซ์ - คินออริจิ้น (8 ห้อง)
 3. ศูนย์ศิริราชกาญจนาภิเษก (4 ห้อง)
ทั้งหมดอยู่ภายใต้ระบบ SMD rise SLEEPVERSE และได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI (American Academy of Clinical Inspection) เป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
 • ธุรกิจ Wellness 10S Innovation ซึ่งเน้นองค์ประกอบเชิงสุขภาพองค์รวม อาทิ สมาธิ วิทยาศาสตร์การนอนหลับ การเคลื่อนไหวเชิงร่างกาย-สมอง และเทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟู ได้รับการตอบรับในเชิงพาณิชย์และวิชาการอย่างกว้างขวาง

4. การฟื้นตัวของกลุ่ม Critical Care และการขยายธุรกิจด้าน Oncology

 • กลุ่มผลิตภัณฑ์ Critical Care เริ่มเข้าสู่ภาวะ Turnaround หลังจากผ่านช่วงชะลอตัวในสถานการณ์โควิด โดยมีคำสั่งซื้อจากพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 • บริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาศูนย์รักษามะเร็งด้วยระบบ Proton Therapy แห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยร่วมมือกับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ภายใต้รูปแบบ Public–Private Partnership (PPP) ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายใน สิ้นปี 2570

5. การเตรียม Spin-Off บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด

SMD100 อยู่ระหว่างการเตรียมการแยกบริษัทในเครือ บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด เพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายใน กลางปี 2569 โดยมีเป้าหมายในการขยายธุรกิจ Wellness & Lifestyle Services ในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน–จีน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศสุขภาพเชิงบูรณาการ

ดร.วิโรจน์  กล่าวอีกว่า แม้ในช่วงต้นปีบริษัทจะมีผลขาดทุนในเชิงบัญชี แต่ในมุมของผู้บริหาร นี่คือการวางรากฐานที่สำคัญเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต เชื่อมั่นว่าแนวทางการพัฒนาสู่แพลตฟอร์มสุขภาพระดับประเทศในครั้งนี้ จะส่งผลต่อเนื่องเชิงระบบต่อเศรษฐกิจและสุขภาวะของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21”

สรุปการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการจัดวางผู้บริหารให้เหมาะสมกับบทบาททางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ SMD100 ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่บทบาท “ศูนย์กลางแพลตฟอร์มสุขภาพแห่งเอเชีย” ด้วยแนวคิด“ไม่มียุคใหม่ หากไร้กระบวนทัศน์ใหม่” (No New Era Without New Paradigm)

S__20611077.jpg