Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 15-05-25 (การเมืองระอุหนัก!!!ไม่รู้จะถึงขั้นยุบสภาฯมั้ย!!!)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 15-05-25 (การเมืองระอุหนัก!!!ไม่รู้จะถึงขั้นยุบสภาฯมั้ย!!!)
15-05-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***รายงานผล MSCI ปรับหุ้นเข้าและออก ในการคำนวณดัชนีฯ มีผลราคาปิด วันที่ 30 พ.ค.68
-Global Standard Index ไม่มีหุ้นเข้า แต่หุ้นออก BEM, CRC,KTC
-Global Small Cap Index หุ้นเข้า AWC, BEM ส่วนหุ้นออก AURA, BPP, DOHOME, GUNKUL, JTS, JMART, M, PRM
***หุ้นที่ถูกปรับออกหรือตกชั้น ถูกขายในวันนี้ทันที!!! โดยเฉพาะ CRC และ KTC ที่สองตัวนี้ ออกจากดัชนีฯไปเลย (ไม่ลงไปอยู่ที่ Small Cap)
-CRC ปิดตลาดที่ 19.60 บาท ลดลง -1.30 บาท หรือ -6.22% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 1,170 ลบ.
-KTC ปิดตลาดที่ 40.50 บาท ลดลง -4 บาท หรือ -8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 769 ลบ.
***ประกาศ!!!!! TIDLOR ดีเดย์เทรด 15 พ.ค.นี้ ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างพลาด!!! บมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ หลังจากดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการโดยทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) จาก บมจ. เงินติดล้อ มีสัดส่วนการแลกหุ้นสูงถึง 99.4% สะท้อนถึงความมั่นใจที่ผู้ถือหุ้นมีต่อ Tidlor Holdings
***โฉมใหม่..ต้องไฉไลกว่าเดิม ด้วยเพราะอนาคต TIDLOR จะมีความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบในเรื่อง Dilution ของราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น (EPS Dilution) นอกจากนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้จะมีความคล่องตัวมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง และกลุ่มบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ เงินติดล้อ และธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ผ่านช่องทางสาขาภายใต้แบรนด์ ประกันติดโล่ ควบคู่ไปกับการต่อยอดความแข็งแกร่งด้าน InsurTech Platform ภายใต้แบรนด์ อารีเกเตอร์ (Areegator) และ เฮ้ กู๊ดดี้ (heygoody.com)
***ทางด้านผลงานไตรมาสแรก มีกำไรสุทธินิวไฮที่ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% (YoY) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16.6% (QoQ) เทียบกับไตรมาสก่อน และมีรายได้รวม 5,640.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% (YoY) เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกันที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
***เจ๊มีโอกาสได้ไปคุยกับผู้บริหารระดับสูงหลายท่านตอนนี้แสดงอาการค่อนข้างกังวลต่อเรื่องการเมืองภายในประเทศ..ถึงขั้นมีการเม้าท์มอยหอยกาบว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้อ่อนไหว เปราะบางมาก แลกกันหมัดต่อหมัด ไม้รู้ว่าเรื่องการ”ยุบสภาฯ” จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรือไม่ สัญญาณชัดหรือไม่ชัดนั้น!!!แนะนำให้รอดู วันที่ 26 พ.ค. นี้ ดูเรื่องงบประมาณปี 2569 โดยเฉพาะวาระแรก “จะผ่านรึป่าว???” ถ้าไม่ผ่านต้องเตรียมใจและเตรียมตัวรอได้แล้ว!!!
***วันนี้ (15 พ.ค.68) วันสุดท้ายของการส่งงบงวดไตรมาสแรกนี้ ..ข้อมูลหลั่งไหลมากระหน่ำรัวๆๆๆ แน่นอน!!! มีหุ้นหลายตัวที่เจ๊โฟกัสเป็นพิเศษและต้องหยิบมาบอกต่อ เริ่มที่ KEX ยังไม่ฟื้น!!! ไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนต่ออีก 896ลบ. เทียบกับไตรมาสแรกปีก่อนที่ขชาดทุน 1,188 ลบ. ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า สมัยก่อนจะเข้าตลาดหุ้นกำไรดีเริ่ดดดดดดด!!! แต่หลังจากระดมทุนได้เงินไปใช้แล้ว เช้าตลาดหุ้นมาแล้ว...จากนั้นก้อไม่เห็นความเจริญรุ่งเรืองอีกแล้ว รายย่อยคือผู้รับกรรมที่ไม่ได้ก่อ
***ส่วน MTC ภายใต้การนำของ “ปริทัศน์ เพชรอำไพ”ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 โดยพอร์ตสินเชื่อเติบโต 13.5% กำไรสุทธิ 1,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ สามารถควบคุมคุณภาพหนี้เสีย (NPL) ไว้ที่ 2.69% ส่วนผลงานปี 68 มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อโตตามเป้า ยกระดับคุณภาพบริการในมาตรฐานระดับโลกเพื่อเปิดโอกาสทางการเงินให้ทั่วถึงและเท่าเทียม สร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่สังคมไทย
***ไตรมาส 1/2568 พอร์ตสินเชื่อรวมของ MTC อยู่ที่ 167,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% รายได้รวม 7,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.21% และกำไรสุทธิ 1,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตพอร์ตสินเชื่อปีนี้ไว้ที่ 10-15% และตั้งเป้าในการควบคุมสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ให้ไม่เกิน 2.70%
***ไม่พูดถึงหุ้น PIS ไม่ได้เด็ดขาด!!! โชว์ผลงานไตรมาส 1/68 โตติดจรวด! กวาดรายได้ 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น146% กำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ในฐานะผู้ให้บริการด้าน ICT Solution ครบวงจร ซีอีโอสวย+เก่ง+วิชั่นไกล "เบญญาภา เฉลิมวัฒน์"เปิดกลยุทธ์ปี 68 ลุยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ AI-driven Security, Cloud-based Data Management และ IT Outsourcing Services กระจายความเสี่ยง-เพิ่มโอกาสการเติบโต แย้มจ่อคว้าโปรเจคภาครัฐระดับพันล้านบาท ดันผลงาน ALL Time High ตามแผนงานที่วางไว้ มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง
***"ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของ PIS มาจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงสิ้นเดือนมีนาคม 68 บริษัทฯคว้างานขนาดใหญ่เพิ่ม 3 โครงการ แบ่งเป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่ารวม 4,116 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งจะรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตเกิน 15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น"
***ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ PIS ได้วางกลยุทธ์ในการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโต รวมถึงพัฒนาโซลูชันที่ช่วยลูกค้าลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น AI-driven Security, Cloud-based Data Management และ IT Outsourcing Services แม้ว่าจะยังคงมีปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองโลก แต่ด้วยกลยุทธ์เชิงรุกในการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารความเสี่ยง และการขยายฐานลูกค้าใหม่ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ อยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่ และรอผลประมูลโครงการ ซึ่งมีโอกาสได้งานใหม่มูลค่าระดับพันล้านบาท สนับสนุนงานในมือรอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ผลักดันผลการดำเนินงานช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนงานที่วางไว้
***TFG ก้อปังสุดๆ ! ไตรมาสแรกปีนี้ฟาดกำไร 2 พันลบ. โตสนั่น 1,072% ทำ High Record กวาดรายได้ 17,852.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.94% เป็นผลจากราคาสุกรเวียดนามอยู่ในระดับสูง และปริมาณสุกรที่เวียดนามเพิ่มขึ้น ราคาสุกรไทยเพิ่มขึ้น ราคาไก่เพิ่มขึ้น ร้านค้าปลีกขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.075 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่ายวันที่ 11 มิถุนายน 2568
***ผู้บริหาร TFG “เพชร นันทวิสัย” มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามแผน ทั้งนี้เตรียมเดินหน้าขยายสาขาร้านค้าปลีก “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” (Retail Shop) เพิ่มเป็น 600 แห่ง ในปี 2568 ตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต สร้างผลตอบที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น (ในไตรมาส 1/2568 มีสาขา “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” จำนวน 430 สาขา เทียบสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 401 สาขา )
***ปิดท้ายวันนี้กับ NAM (ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร)ปรบมือให้รัวๆๆๆๆ ไปเลย!!! ไตรมาสแรกนี้ทำนิวไฮ! กำไรโตสนั่น 359.13%
***บิ๊กบอสคนเก่งของ NAM “วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ” เปิดเผยว่ามีรายได้รวม 542.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 336.30ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163.30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 205.95 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 170.30 ล้านบาท กำไรสำหรับปีอยู่ที่ 60.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 359.13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 13.27 ล้านบาท ขณะที่กำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 40.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201.48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 13.27 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่
***“ผลประกอบการไตรมาสแรกเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของ NAM เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีคำสั่งซื้อล็อตใหญ่เข้ามา ประกอบกับมีการทยอยส่งมอบสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันผผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ ที่บริษัทผลิตเองในประเทศ ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ยังสามารถรับรู้รายได้และกำไรจากบริษัทย่อยที่ได้ลงทุนในช่วงปลายปี 2567 และช่วงต้นปี 2568 ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย จึงส่งผลให้ผลงานเติบโตสร้างสถิติใหม่” นายวิโรจน์กล่าว
***ส่วนแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกของ NAM คาดว่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากการขยายตัวของตลาดอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามโครงสร้างประชากรสูงวัย และกระแสความตื่นตัวด้านสุขอนามัย รวมถึงกลุ่มเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกตามแผน 4 ยุทธ์ศาสตร์ เชื่อมั่นว่าทุกปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน ประกอบด้วย
1. ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายระดับภูมิภาค2.เสริมสร้างความแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
3. มุ่งเน้นการวิจัย และพัฒนาสมัยใหม่4.เน้นการดำเนินธุรกิจสีเขียว (clean to green)