PTTGC ไตรมาส 1/68 ขาดทุนกว่า 2.56 พันลบ. หลังขาดทุนสต็อกน้ำมัน - ส่วนแบ่งเงินลงทุน
ประกาศเรียบร้อย PTTGC ไตรมาส 1/68 ขาดทุนบาน 2,567 ล้านบาท รายได้ดิ่งเหลือ 132,547 ล้านบาท ลดลง 15% หลังราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดโลก แถมแบกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุน
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 2,567 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ รับรู้ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้จากการเปลี่ยนแปลงราคาตามสภาวะตลาด
ได้แก่ ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (Stock loss) และการกลับรายการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV Reversal) สุทธิเป็นขาดทุน 55 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 809 ล้านบาท กำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นกำไร 441 ล้านบาท
รวมถึงบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 138 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนจากจากผลประกอบการของบริษัทร่วมค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิโพรพิลีนที่ปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการขายเป็นหลัก
โดย ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 132,547 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2567 แต่ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากกลุ่มโรงกลั่นที่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดโลก ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมีความท้าทายจากปัจจัยต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งความกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า
ประกอบกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศด้วยการใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้ของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าซึ่งส่งผลกดดันต่อต้นทุนและความต้องการในการบริโภค
โดยไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 5,377 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 102% จากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและมุ่งเน้นประสิทธิภาพของบริษัทฯที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจมีการปรับตัวดีขึ้นจากผลประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และโพลิเมอร์เป็นหลัก บริษัทฯมีความได้เปรียบด้านต้นทุนของโรงโอเลฟินส์ โดยในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้รับปริมาณก๊าซอีเทนที่ใช้ในการผลิตด้วยสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อน นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีการบันทึกรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการปรับราคาสัญญาซื้อวัตถุดิบอีเทนจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ซึ่งในไตรมาสนี้ไม่มีรายการดังกล่าว
ด้านอัตรากาลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์ในไตรมาส 1/2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 80% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยในอุตสาหกรรมของภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งราคาของกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ปรับสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ทั้งนี้ มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบต่อความกังวลของอุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงอุปทานส่วนเกินที่ทำให้ผู้ผลิตในตลาดยังควบคุมระดับอัตราการผลิตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการขายของบริษัท allnex ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลเป็นหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายดำเนินการที่ลดลงเป็นผลจากการปรับโครงสร้างของ Vencorex
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวลดลงจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ปรับลดลงเป็นหลัก ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมีผลประกอบการทรงตัวโดย GRM อยู่ที่ 3.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/2568
ยอดนิยม
_0.jpg)
จับตา “อนุทิน” แถลงนโยบายวันนี้ อาจมีเซอร์ไพรส์! พร้อมเร่งฟื้นเศรษฐกิจ เป็นโอกาสทองหุ้นได้ประโยชน์
%20copy_0.jpg)
Jump+ หนุนโต! บจ.ไทยแห่เข้าร่วมมากกว่าคาด ยกระดับศักยภาพ เพิ่มมูลค่าอย่างยั่งยืน
_0.jpg)
ทองคำเดือด! ออลไทม์ไฮไม่เลิก เสี่ยงชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐ จุดไฟราคาพุ่งต่อหรือตีลังกาลงทันที
_0.jpg)
โครงการ “คนละครึ่ง” ไม่เล็ก คาดเม็ดเงิน 6.6 หมื่นล้านบาท เขย่าเศรษฐกิจไทย 2 เดือน GDP พุ่ง 4%
_0.jpg)