กระดานข่าว

FTI รายได้โค้งแรกปี 68 ที่ 203.78 ลบ. ยอดขายสินค้าพาณิชย์-อุตสาหกรรมเพิ่ม


13 พฤษภาคม 2568

“ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล” กวาดรายได้ไตรมาสแรกปี 68 ที่ 203.78 ลบ. เพิ่มขึ้น 4.02% และมีกำไรสุทธิ 8.07 ลบ. หลังยอดขายกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บ (1).jpg

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมจากการขายสินค้า และบริการอยู่ที่ 203.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 4.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ที่มีรายได้รวม 195.91 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.07 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ สารกรอง และกลุ่มปั๊มและวาล์ว ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

โดยบริษัทอยู่ระหว่างทบทวนราคาขายสำหรับสินค้าบางผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบสนองกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน รวมถึงมีการวิจัยทางด้านผลิตภัณฑ์ และวิจัยการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มสินค้า และช่องทางในการจัดจำหน่าย รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงกลางปี และยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ “AQUATEK” อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบ E-commerce เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้า และสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้สามารถขยายตลาดได้อย่างทั่วถึง การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง แต่ยังช่วยรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่ยังไม่มีสาขาหรือจุดจำหน่ายโดยตรง ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อให้บริการได้ครอบคลุมและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องกรองน้ำที่มีความทันสมัย เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน โดยได้จัดสรรงบประมาณด้านการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายทั้งในช่องทาง Offline และ Online อย่างสมดุล ในส่วนของกลยุทธ์การสื่อสาร บริษัทเลือกใช้ nano influencer และ micro influencer เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในหลากหลายระดับ พร้อมทั้งเดินหน้ากิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ ควบคู่กับการใช้สื่อดิจิทัล เพื่อเพิ่มอัตราการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง และส่งเสริมการตัดสินใจของผู้บริโภค

FTI