Talk of The Town

THAI เหินฟ้า! Q1 กำไรโต 300% ตุนกำไรสะสม 9.5 พันลบ. ลุ้นจ่ายปันผล คงเป้ารายได้ 1.8 แสนลบ. หวนเทรดเดือนส.ค.นี้


09 พฤษภาคม 2568

THAI อวดงบไตรมาส 1/68 โตแรง กวาดกำไรสุทธิ 9.8 พันล้านบาท โตทะลุ 300% หลังการเดินทางของผู้โดยสารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตุนกำไรสะสม 9,555 ล้านบาท จับตาอนาคตอาจสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้ พร้อมปฏิเสธข่าวลือ ดึงเอกชนถือหุ้นใหญ่ รับเหมาบริหารคาร์โก้ ยันยังไม่สรุป

THAI เหินฟ้า! Q1 กำไรโต 300__S2T (เว็บ)_0.jpg

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/ 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท เติบโต 306% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA หลักหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 12,728 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 45,955 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.3% มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เท่ากับ 83.3% ใกล้เคียงกับปีก่อน

ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องมาจากปริมาณความต้องการการเดินทางของผู้โดยสารที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการขยายฝูงบิน เพิ่มความถี่เที่ยวบิน ส่งผลให้ปริมาณการผลิต (Available Seat Kilometers-ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.1% โดยมีปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Seat Kilometers-RPK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20.8% จากจำนวนผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.6%

โดยบริษัทฯ มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ทำการบินในไตรมาสที่ 1 รวมทั้งสิ้น 78 ลำ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ          ปีก่อนจำนวน 5 ลำ  มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 13.7 ชั่วโมงต่อวัน และมีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321 Neo เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบินให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องบินรุ่นใหม่จะมาพร้อมระบบความบันเทิงส่วนตัวในทุกที่นั่ง และบริการ Wi-Fi ฟรี สำหรับสมาชิก Royal Orchid Plus ทุกระดับสถานะ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารให้ดียิ่งขึ้นภายในปี 2568 นี้

นอกจากนี้ ในส่วนของการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ทยอยติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง In-flight Connectivity (IFC) บนเครื่องบินแบบแอร์บัส A330-300 ซึ่งเริ่มให้บริการแล้วบนเครื่องบิน 2 ลำแรก ผู้โดยสารสามารถแชทและส่งข้อความได้แบบไม่จำกัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนบริการอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบเปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับสมาชิกโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus ตามระดับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชี และเมื่อรวมกับกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ มีกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการ 9,555 ล้านบาท เป็นผลให้ในอนาคตบริษัทฯ อาจสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้

ปฏิเสธข่าวดึงเอกชนถือหุ้นใหญ่ รับเหมาบริหารคาร์โก้

นายชาย กล่าวอีกว่า จากกระแสข่าว ผู้บริหารแผน THAI ไฟเขียวดึงเอกชนถือหุ้นใหญ่ รับเหมาบริหารธุรกิจในส่วนของกิจกรรมการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ของการบินไทย ( THAICargo) โดยยืนยันยังไม่มีแผนดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เป็นเพียงแนวคิดที่มองถึงโอกาสของธุรกิจ แต่จะออกมาในรูปแบบไหนนั้น ยังไม่มีข้อสรุป

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้รวมราว 1.8 แสนล้านบาท โดยมีแผนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินภายในสิ้นปี 2568 มาอยู่ที่ระดับ 80 ลำ อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนนำเครื่องบินมาทยอยติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง In-flight Connectivity (IFC) ทำให้จำนวนเที่ยวบินอาจปรับลดลงในบางเส้นทาง  

ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอินเดีย และปากีสถาน บริษัทมีการหยุดบินในปากีสถานทั้ง 3 เมือง เพื่อความปลอดภัย โดยจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและ มีการประเมินสถานการณ์ในทุกวัน อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินที่บินผ่านในประเทศดังกล่าว บริษัทจะมีการเลี่ยงเส้นทาง แต่คาดว่ากระทบค่าใช้จ่ายไม่มาก

คาดหวนเทรด ก.ค.-ส.ค.68

ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ THAI เปิดเผยว่า ข้อมูลสิ้นไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกระแสเงินสด 1.2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบก่อนฟู้ฟูกิจการอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าในการออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ส่งผลให้  บริษัทฯ ดำเนินการตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว

ทั้งนี้จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 9.00 น. ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้ง ความคืบหน้าในขั้นตอนถัดไปให้ทราบต่อไป โดยเบื้องต้นคาดว่าบริษัทจะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายเดือนก.ค.-ต้นเดือนส.ค.2568