“เฟด” คงดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งซิกไม่เร่งหั่นดอกเบี้ย โบรกฯชี้ SET ฟื้นรับโฟลว์ต่างชาติเข้า

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากกรณีที่ประชุม FOMC ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ระดับ 4.50% โดย Fed ส่งสัญญาญรอพิจารณาทิศทางเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ Fed ระบุเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้แข็งแกร่ง แม้ตัวเลข GDP ล่าสุดออกมาต่ำ แต่มีสาเหตุมาจากการเร่งนำเข้าก่อนผลของนโยบายภาษีนำเข้าสินค้าที่จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี Fed ยอมรับเห็นความเสี่ยงเชิงลบที่เพิ่มขึ้นสำหรับตัวเลขอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อ

โดยรวมตลาดตีความเป็น Hawkish เนื่องจากไม่ได้ปูแนวทางหรือให้เนื้อเรื่องที่สนับสนุนสำหรับการเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบถัดไปในช่วงวันที่ 18 มิ.ย. 2025 อีกทั้งในช่วง session Q&A ได้บอกว่า Fed จะไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย โดยยังสามารถรอดูเพื่อประเมินสถานการณ์ได้

ทั้งนี้ มองว่าแม้การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงในเชิงพื้นฐานกับผลประกอบการบริษัท แต่มักเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลในเชิง sentiment การลงทุน และหลายครั้งเป็นตัวแปรในการกำหนดทิศทางตลาด

สำหรับในรอบนี้แม้ Fed จะยังไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและ Fed ยังคงไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดว่าจะลดเมื่อไร แต่เชื่อช่วงเวลาที่เหมาะสมเริ่มใกล้เข้ามา ด้วยแวดล้อมภาวะการเงินที่ผ่อนคลายทั่วโลก โดยมองเป็นบวกกับกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยในการประเมินมูลค่าและต้นทุนทางการเงินเช่น ICT (TRUE ADVANC), FIN (MTC THANI) และ UTIL (GULF GPSC BGRIM) รวมถึงกลุ่ม BANK (KTB SCB TTB) ที่มักเป็นเป้าของการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

ด้วยแนวโน้ม Fed ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยชัดใน 2H25 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกลับสกุลเงินอื่นๆ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ดึงดูดให้อาจเห็นเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดพันธบัตรไทยและตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่รวมถึงธนาคารจึงคาดได้อานิสงส์บวกด้วย

ด้านตลาดหุ้นไทยโดยรวมดูมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทั้งจาก valuation ที่ถูกและเริ่มมีประเด็นข่าวบวกเข้ามาช่วยหนุน ทั้งเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะเข้ามาของกองทุน Thai ESGX และความคาดหวังเชิงบวกบนข้อตกลงทางการค้าที่อาจเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ มองแนวโน้มหลักของดัชนีเริ่มกลับมาฟื้นตัว ประกอบกับฟันด์โฟลว์ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามา คาดแนวต้านดัชนีระยะสั้นที่บริเวณระดับ 1,215 และ 1,235 จุด และแนวรับที่บริเวณ 1,185 และ 1,200 จุด ตามลำดับ