สาหัส! บจ.ไทยแย่กว่าคาด Q3 รายงานกำไร 1.95 แสนลบ. ดิ่งกว่า 30% ลุ้นผลงานไตรมาส 4 ฟื้นตัว
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ของ SET Index อยู่ที่ 1.95 แสนล้านบาท (663 บริษัทจาก 701 บริษัท) ลดลง 23.03% จากไตรมาสก่อน และลดลง 30.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัย และ Bloomberg Consensus ราว 17% 
ทั้งนี้เนื่องจาก 1. กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีขาดทุนสต็อกน้ำมัน และ PTTGC มีตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท 2. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลไทยที่ล่าช้า
3.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อ่อนตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเงินบาทแข็งค่าเร็ว ยกเว้น DELTA และ CCET ที่ยังเห็นการเติบโตจากปัจจัยเฉพาะตัว 4. กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ยังทรุดต่อเนื่อง จากผลของโครงสร้างอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น EV Car ส่วนกลุ่มที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด คือ ธนาคารพาณิชย์ไฟแนนซ์ สื่อสาร และค้าปลีก
สำหรับหุ้นใน Coverage ที่มีการ Preview ผลประกอบการจำนวน 121 บริษัท ออกมาตามคาด 60% หรือ 73 บริษัท ดีกว่าคาด 24% หรือ 29 บริษัท และต่ำกว่าคาด 16% หรือ 19 บริษัท
จากการพิจารณา Outlook ของบริษัทขนาดใหญ่ ในกลุ่มพลังงาน, ธนาคาร, และค้าปลีก คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของ SET Index จะพลิกกลับมาโตทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ระดับ 2.4-2.6 แสนล้านบาท
โดยมี 4 ปัจจัยสนับสนุน คือ 1. คาด GDP ไตรมาส 3-4/67 เร่งตัวขึ้นจากมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เน้นการบริโภคและการแก้หนี้ รวมถึง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 แบบ Front-Loaded
2. ราคาน้ำมันและค่าเงินบาทผันผวนน้อยลง โดยถ้าอิงตามสถิติ ช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันและค่าเงินบาทมีความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ผันผวนลดลงเช่นกัน
3. ฐานกำไรต่ำทั้งไตรมาส 3/67 และ 4/66 โดยเฉพาะไตรมาส 4/66 ทำกำไรได้เพียง 1.77 แสนล้านบาท เพราะ TU บันทึกด้อยค่าเงิน ลงทุนใน Red Lobster และ IVL บันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โครงการ Corpus Christi 4. บริษัทขนาดใหญ่ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ไปมากแล้ว ในไตรมาส 3/67 โอกาสที่จะตั้งด้อยค่าเพิ่มเติมจึงอยู่ในระดับต่ำ
โดยกลุ่มที่คาดกำไรโตดีต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ สื่อสาร, ค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์ และหุ้นที่คาด Bottom out จากรายการพิเศษในไตรมาส 3/67 เช่น BANPU, OSP, THCOM, TIDLOR, BCPG, TTA เป็นต้น
ดังนั้น ยังคงเป้าหมาย SET INDEX สิ้นปีนี้ที่ 1,450 จุด (อิง EPS ที่ 92 บาท/หุ้น และ PER ที่ 15.8 เท่า) และสิ้นปีหน้าที่ 1,600 จุด (อิง EPS ที่ 97 บาท/หุ้น และ PER 16.5 เท่า)
ในเชิงของกลยุทธ์การลงทุนเน้น เลือกลงทุนในหุ้นที่ Valuation ไม่แพง, ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในโซนด้านล่าง, ผลประกอบการ Turnaround หรือโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/67, และได้ SET ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป เพราะจะมีแรงซื้อจาก กองทุนวายุภักษ์ และ TESG ช่วยจำกัด Downside เช่น KBANK, CPAXT, CPALL, BDMS, BANPU, OSP, THCOM, และ STA เป็นต้น
ยอดนิยม
ระวัง sell on fact หุ้น AOT หลังแก้สัญญาดิวตี้ฟรี-ขึ้น PSC ดีกว่าคาด โบรกฯ ชี้ราคาตอบรับข่าวดีไปมากแล้ว
ยอดขอ BOI พุ่งทำสถิติสูงสุด กว่า 1.4 ล้านล้านบาท ทะยานแรง 94% โบรกฯ ชู AMATA เด่นสุด
ทองสวิงไร้ทิศ! รอเฟดกดปุ่ม 10 ธ.ค. แรงซื้อดักข่าวประธานเฟดคนใหม่หนุนราคา Shining Gold ชี้กลยุทธ์ยังเน้นเปิด Long ตามจังหวะ
หุ้นธนาคารไม่น่าสนใจ? โบรกฯ ให้น้ำหนักลงทุน “น้อยกว่าตลาด” เหตุกำไรปี 69 ส่อแววดิ่ง- NIM ลดลง