บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2567 มีรายได้รวม 194 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ที่ 126 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.1% ซึ่งเป็นผลประกอบการสำหรับไตรมาส 2 ที่สูงที่สุดตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทฯ เนื่องจากมีรายได้จากการประกอบกิจการในต่างประเทศ ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทฯ และการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ในตลาดลาตินอเมริกา สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเซีย ทั้งนี้แม้ว่ารายได้ของบริษัทฯจะมีลักษณะเป็นวัฎจักร และเป็นผลกระทบตามฤดูกาล จากธรรมชาติธุรกิจการให้บริการของบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีต่ำว่าช่วงครึ่งหลังของปี บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากความสำเร็จของการขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าใหม่
ดร.มัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON ผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพในการผลิตเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบและการประเมินเปิดเผยว่า “ ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567 เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ อีกทั้งในปีนี้เรามีแผนที่จะเพิ่มรายได้ให้มีการเติบโตต่อเนื่อง มีความสม่ำเสมอ และลดผลกระทบของรายได้ตามฤดูกาล โดยได้วางกลยุทธ์การหารายได้เพิ่มขึ้นจากที่ขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศในตลาดลาตินอเมริกา สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย การสร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และลดผลกระทบจากฤดูกาลในอนาคต และมั่นใจว่ารายได้ Q.3-4 จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้
เนื่องด้วยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน การหยุดโรงงานหรือการหยุดการเดินเครื่องของเครื่องจักรเพื่อทำการดูแล ตรวจสอบ และซ่อมแซม จำเป็นต้องหยุดเครื่องจักรในช่วงเวลาที่มีปริมาณงานไม่หนาแน่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาสิ้นปี ทำให้ช่วงเวลาที่กลุ่มลูกค้าพร้อมที่จะให้บริษัทฯ เข้าไปให้บริการตรวจสอบด้านวิศวกรรมกระจุกตัวในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือไตรมาสที่ 4 ของทุกๆปี อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกา และยุโรปจะช่วยให้บริษัทมีรายได้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีในอนาคต การขยายธุรกิจที่กล่าวข้างต้นสร้างการเติบโตในรายได้อย่างมีนัยสำคัญให้แก่บริษัทฯ โดยมีรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2567 ทะลุ 194 ล้านบาท เทียบกับรายได้ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ที่ 143 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ที่ 126 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36 % และ 54.1% ตามลำดับ โดยบริษัทฯมีรายได้รวมสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% เทียบกับรายได้สำหรับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาที่ 271 ล้านบาทเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายได้ของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับช่วงปี 2561 – 2565 ที่ 223 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเป็น 271 ล้านบาทในปี 2566 เห็นได้ว่าบริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง
ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 188 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการเติบโตของรายได้จากการประกอบกิจการให้บริการตรวจสอบระบบท่อนำส่งในต่างประเทศ และมีต้นทุนการให้บริการเพิ่มสูงขึ้น 7.1% มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 26.2% ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงกว่า 50 % สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือกว่า 200% เทียบกับผลการดำเนินงานสำหรับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นกว่า 300% โดยมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่ 40% เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันในไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ 15.4% สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการประกอบกิจการให้บริการตรวจสอบระบบท่อนำส่งในต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 45% ของรายได้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 126% จากปีที่ผ่านมา โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากฐานลูกค้าในทวีปอเมริกา ทั้งอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา นอกจากนี้บริษัทฯมีการบริหารการใช้ทรัพยากรทั้งบุคลากร และทรัพย์สินอุปกรณ์ เพื่อก่อให้เกิดรายได้อย่างมีประสิทธิผลเมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินงานในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของค่าช้จ่ายของบริษัทฯ มีสาเหตุหลักคือ ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท หรือ 9.2% YoYเป็นต้นทุนด้านโครงการงานให้บริการที่ผันแปรตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท หรือ 43.7% จากการที่บริษัทฯมีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเยอรมันนี ทำให้มีต้นทุนในการจดจัดตั้งบริษัท และต้นทุนด้านบุคลากรประกอบกับค่าใช้จ่ายของบริษัทย่อยในประเทศอเมริกาที่อยู่ในช่วงขยายฐานลุกค้า โดยคาดว่าในไตรมาส 4 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากบริษัทย่อย และต้นทุนทางการเงินลดลง 2 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้นบางส่วนที่ถึงกำหนดชำระ
“เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ ปี 2567 และสามารถทำเป้าหมายรายได้ 704 ล้านบาทตามแผน โดยเรามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะประสบความสำเร็จจากการเติบโตของทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ การสร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจ และการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักซึ่งจะเป็นอีก Key Milestone และพัฒนาการที่สำคัญของเรา” ดร.มัลลิกากล่าว
ยอดนิยม
FPT คว้า CGR ระดับดีเลิศ 6 ปีซ้อน พร้อมรับการจัดอันดับสูงสุดจาก GRESB
แอสเซทไวส์ จับมือ เปี่ยมสุข ร่วมถ่ายทอดมนต์เสน่ห์คอนเสิร์ต “ปฐมบท” มอบความสุข ผ่านบทเพลงอมตะเหนือกาลเวลา
ออริจิ้น เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา สร้างปรากฏการณ์! SOLD OUT ภายในเวลา 15 นาที !! กวาดยอดขายกว่า 500 ล้านบาท
SC Asset แต่งตั้ง All Well Corp เป็น Exclusive Partner