Talk of The Town
ชี้เป้าหุ้นเด่นรับประโยชน์ กองทุน TESG ใหม่ไฉไลกว่าเดิม คาดเม็ดเงินไหลเข้า 7.8 หมื่นล้านบาท
25 มิถุนายน 2567
ในช่วงเย็นของวานนี้ (24 มิ.ย.67) มีแถลงข่าวร่วม 3 หน่วยงาน "การขับเคลื่อนตลาดทุน" ประกอบด้วย ตลาดหลักทรัพย์ฯ กลต. และกระทรวงการคลัง ซึ่งแถลงนโยบายกระตุ้นตลาดทุนด้วยการนำกองทุน TESG มาปรับเงื่อนไขใหม่ โดยปรับลดระยะเวลาถือครองลงเหลือ 5 ปีจากเดิม 8 ปี พร้อมเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 3 แสนบาทจากเดิม 1 แสนบาท

กลต. ระบุว่า คาดการณ์เม็ดเงินใน TESG ตัวใหม่จะระดมทุนได้ราว 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังเตรียมศึกษากองทุนรูปแบบอื่นเช่นกองทุนวายุภักษ์
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มองบวกกับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคะแนน ESG ระดับ A ขึ้นไป (จากการให้คะแนนของตลาดหลักทรัพย์) ในส่วนของหุ้น ESG ระดับคะแนน A ขึ้นไปที่ยังปรับขึ้นน้อยในช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ได้แก่ BRI ORI COM7 AH SAT AP IVL LH HMPRO BJC BCH BGRIM CRC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คลังแถลงการออกกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษี 30% หรือไม่เกิน 3 แสนบาท ระยะเวลาถือครอง 5 ปี ปฏิทิน (เดิม 8ปี) หุ้นใน Universe จะเพิ่มจาก Thai ESG ปัจจุบันที่ 121 หลักทรัพย์เป็น 300 หลักทรัพย์จากการเน้นคุณสมบัติทางด้าน Governance (G) มากขึ้น (เดิมเน้น Environment หรือ E) คาดเปิดขายกองทุนได้ประมาณเดือน ก.ค. ปีนี้
โดยรวมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เนื่องจาก
1.ประเมินอิงจากยอดซื้อ LTF 3 ปี (2560-62) ที่มียอดซื้อเฉลี่ยปีละ 6.8 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างจำนวนผู้เสียภาษีในปี 2557 (ข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยตามหน้าข่าว)
ทั้งนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินซื้อสุทธิกองทุนใหม่นี้อยู่ที่ราว 7.8 หมื่นล้านบาท ต่อปี (ตลาดคาดงวด 5 เดือนที่เหลือของปี 2567 ที่ 2.5-3 หมื่นล้านบาท) ศักยภาพเม็ดเงินสูงกว่าเม็ดเงินสมัย LTF เนื่องจากการให้สิทธิลดหย่อนที่เพิ่มขึ้นมาที่ 30% เมื่อเทียบกับ LTF ที่ 15% ทำให้ผู้ที่เสียภาษีในระดับกลาง (เงินได้ต่อปี 7.5 แสน – 2 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของจำนวนผู้เสียภาษี มีทางเลือกที่จะออมเงินผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น
2.จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณของ KSS หากอิงวงจร LTF ในปี 2555-56 ที่มี Cycle เศรษฐกิจคล้ายกับปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยพบว่า ทุกๆ เม็ดเงินใหม่ 1 หมื่นล้านบาทที่เข้าสู่ตลาดจะหนุน SET ราว 20-25 จุด ใกล้เคียง ผลการศึกษาของตลาดที่ประเมิน 25-27 จุด ดังนั้น หากเม็ดเงินเข้ามาใกล้เคียงกับที่ประเมินต่อปีจะหนุน Upside ตลาดอย่างมีนัยฯ จากฐานปัจจุบัน
ด้านแนวทางการเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง มองต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.หุ้นที่ราคาปรับลงนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (ytd) ในระดับสูง เทียบกับ SETESG ลดลง 9.8% 2. มีน้ำหนักในดัชนี SETESG ค่อนข้างมากและ 3.มีสัดส่วนสถานะ Short-selling คงค้างเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาด
พบว่า หุ้นในดัชนี SETESG ที่เด่นสุด ได้แก่ BTS (YTD ปรับลง 34%, น้ำหนักใน SETESG 0.58%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.48%),
SCC (YTD ปรับลง 26%, น้ำหนักใน SETESG 2.84%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.85%) CRC (YTD ปรับลง 26% น้ำหนักใน SETESG 1.7% จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.1%)
IVL (YTD ปรับลง 25.5% น้ำหนักใน SETESG 1.06% จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 2.17%), PTTGC (YTD ปรับลง 20%, น้ำหนักใน SETESG 1.29%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.05%),
CPN (YTD ปรับลง 19.7%, น้ำหนักใน SETESG 2.34%,จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.5%) BBL (YTD ปรับลง 15.7%,น้ำหนักใน SETESG 2.34%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว1.15%)
และกลุ่มที่มีน้ำหนักสูง อาทิ GULF (YTD ปรับลง 9.55%,น้ำหนักใน SETESG 4.38%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.42%) AOT (YTD ปรับลง 2.1%, น้ำหนักใน SETESG 7.75%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.02%)
MTC (YTD ปรับลง 1.67%, น้ำหนักใน SETESG 0.87%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.34%) และ CPALL (YTD ปรับลง 0.45%, น้ำหนักใน SETESG 4.65%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.89%)
นอกจากนี้ รมว. คลังยังเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาในส่วนการนำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเปิดขายให้กับประชาชน หากอิงโครงสร้างคล้ายเดิม คือ จะมีการลงทุนฝั่ง ก (ประชาชน) และ ข (รัฐบาล) ฝั่งประชาชน จะมีการกำหนดช่วงผลตอบแทนขั้นต่ำ (Floor) และ Ceiling
โดยในช่วงเวลาใดที่ผลตอบแทนกองทุนต่ำกว่า Floor จะมีแบ่งผลตอบแทนฝั่งรัฐบาลมาให้นักลงทุนฟากประชาชน ทั้งนี้ ในส่วนดังกล่าวยังต้องติดตามความชัดเจนแผนของภาครัฐฯต่อไป ระยะสั้นให้น้ำหนักเพียงจิตวิทยาบวกก่อนจนกว่าความชัดเจนจะเพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาด SET INDEX จะตอบรับเชิงบวก ขึ้นทดสอบ 1,340-1,350 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างรอความชัดเจนด้านปัจจัยการเมืองหุ้นกลุ่ม ที่เด่นใน Theme ปรับรูปแบบ ThaiESG คือ หุ้นที่ได้ ESG Rating และ ROE สูง เช่น ADVANC, BCP, CPALL, KTB, OR, PR 9, PTT, SABINA, WHA เป็นต้น

กลต. ระบุว่า คาดการณ์เม็ดเงินใน TESG ตัวใหม่จะระดมทุนได้ราว 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังเตรียมศึกษากองทุนรูปแบบอื่นเช่นกองทุนวายุภักษ์
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มองบวกกับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคะแนน ESG ระดับ A ขึ้นไป (จากการให้คะแนนของตลาดหลักทรัพย์) ในส่วนของหุ้น ESG ระดับคะแนน A ขึ้นไปที่ยังปรับขึ้นน้อยในช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ได้แก่ BRI ORI COM7 AH SAT AP IVL LH HMPRO BJC BCH BGRIM CRC
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คลังแถลงการออกกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษี 30% หรือไม่เกิน 3 แสนบาท ระยะเวลาถือครอง 5 ปี ปฏิทิน (เดิม 8ปี) หุ้นใน Universe จะเพิ่มจาก Thai ESG ปัจจุบันที่ 121 หลักทรัพย์เป็น 300 หลักทรัพย์จากการเน้นคุณสมบัติทางด้าน Governance (G) มากขึ้น (เดิมเน้น Environment หรือ E) คาดเปิดขายกองทุนได้ประมาณเดือน ก.ค. ปีนี้
โดยรวมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เนื่องจาก
1.ประเมินอิงจากยอดซื้อ LTF 3 ปี (2560-62) ที่มียอดซื้อเฉลี่ยปีละ 6.8 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างจำนวนผู้เสียภาษีในปี 2557 (ข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยตามหน้าข่าว)
ทั้งนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินซื้อสุทธิกองทุนใหม่นี้อยู่ที่ราว 7.8 หมื่นล้านบาท ต่อปี (ตลาดคาดงวด 5 เดือนที่เหลือของปี 2567 ที่ 2.5-3 หมื่นล้านบาท) ศักยภาพเม็ดเงินสูงกว่าเม็ดเงินสมัย LTF เนื่องจากการให้สิทธิลดหย่อนที่เพิ่มขึ้นมาที่ 30% เมื่อเทียบกับ LTF ที่ 15% ทำให้ผู้ที่เสียภาษีในระดับกลาง (เงินได้ต่อปี 7.5 แสน – 2 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของจำนวนผู้เสียภาษี มีทางเลือกที่จะออมเงินผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น
2.จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณของ KSS หากอิงวงจร LTF ในปี 2555-56 ที่มี Cycle เศรษฐกิจคล้ายกับปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยพบว่า ทุกๆ เม็ดเงินใหม่ 1 หมื่นล้านบาทที่เข้าสู่ตลาดจะหนุน SET ราว 20-25 จุด ใกล้เคียง ผลการศึกษาของตลาดที่ประเมิน 25-27 จุด ดังนั้น หากเม็ดเงินเข้ามาใกล้เคียงกับที่ประเมินต่อปีจะหนุน Upside ตลาดอย่างมีนัยฯ จากฐานปัจจุบัน
ด้านแนวทางการเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง มองต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.หุ้นที่ราคาปรับลงนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (ytd) ในระดับสูง เทียบกับ SETESG ลดลง 9.8% 2. มีน้ำหนักในดัชนี SETESG ค่อนข้างมากและ 3.มีสัดส่วนสถานะ Short-selling คงค้างเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาด
พบว่า หุ้นในดัชนี SETESG ที่เด่นสุด ได้แก่ BTS (YTD ปรับลง 34%, น้ำหนักใน SETESG 0.58%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.48%),
SCC (YTD ปรับลง 26%, น้ำหนักใน SETESG 2.84%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.85%) CRC (YTD ปรับลง 26% น้ำหนักใน SETESG 1.7% จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.1%)
IVL (YTD ปรับลง 25.5% น้ำหนักใน SETESG 1.06% จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 2.17%), PTTGC (YTD ปรับลง 20%, น้ำหนักใน SETESG 1.29%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.05%),
CPN (YTD ปรับลง 19.7%, น้ำหนักใน SETESG 2.34%,จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.5%) BBL (YTD ปรับลง 15.7%,น้ำหนักใน SETESG 2.34%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว1.15%)
และกลุ่มที่มีน้ำหนักสูง อาทิ GULF (YTD ปรับลง 9.55%,น้ำหนักใน SETESG 4.38%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.42%) AOT (YTD ปรับลง 2.1%, น้ำหนักใน SETESG 7.75%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.02%)
MTC (YTD ปรับลง 1.67%, น้ำหนักใน SETESG 0.87%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.34%) และ CPALL (YTD ปรับลง 0.45%, น้ำหนักใน SETESG 4.65%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 0.89%)
นอกจากนี้ รมว. คลังยังเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาในส่วนการนำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเปิดขายให้กับประชาชน หากอิงโครงสร้างคล้ายเดิม คือ จะมีการลงทุนฝั่ง ก (ประชาชน) และ ข (รัฐบาล) ฝั่งประชาชน จะมีการกำหนดช่วงผลตอบแทนขั้นต่ำ (Floor) และ Ceiling
โดยในช่วงเวลาใดที่ผลตอบแทนกองทุนต่ำกว่า Floor จะมีแบ่งผลตอบแทนฝั่งรัฐบาลมาให้นักลงทุนฟากประชาชน ทั้งนี้ ในส่วนดังกล่าวยังต้องติดตามความชัดเจนแผนของภาครัฐฯต่อไป ระยะสั้นให้น้ำหนักเพียงจิตวิทยาบวกก่อนจนกว่าความชัดเจนจะเพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาด SET INDEX จะตอบรับเชิงบวก ขึ้นทดสอบ 1,340-1,350 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างรอความชัดเจนด้านปัจจัยการเมืองหุ้นกลุ่ม ที่เด่นใน Theme ปรับรูปแบบ ThaiESG คือ หุ้นที่ได้ ESG Rating และ ROE สูง เช่น ADVANC, BCP, CPALL, KTB, OR, PR 9, PTT, SABINA, WHA เป็นต้น
ยอดนิยม
วันนี้ JKN ปล่อยผีเปิดเทรดครั้งแรก ก่อนโดนเพิกถอนหลักทรัพย์ วันที่ 27 ธ.ค.นี้ ตลท.เตือนนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย
เปิด 8 ข้อไฮไลท์สำคัญประชุม กนง. โบรกฯชี้ปี 69 ดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1% แนะเพิ่มน้ำหนักโรงไฟฟ้า-กอง REIT
MRDIYT เด่นสุดกลุ่มค้าปลีก โบรกฯคาดกำไรปี 68-70 โตปีละ 25% รับแรงหนุนขยายสาขา-ยอดขายสาขาเดิมโต
CPI สหรัฐขยับ 3.1% กดทองระยะสั้น แต่ภาพอัตราดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยน ส่วนทองคำไทยลุ้นทะลุ 65,000 บาท