รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 67 – 68 ที่ 3.2% โดยการฟื้นตัวทั่วโลกเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มีเสถียรภาพ และแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่มีแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ

ปัจจัยดังกล่าวเป็นความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจในตลาดโลกของ EPG โดยในปีบัญชี 67/68 (เม.ย.67 – มี.ค.68) บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงาน ดังนี้
1) สร้างการเติบโตแบบ Organic Growth: ด้วยสินค้าประเภทเดิมและสินค้านวัตกรรมที่ออกใหม่ของทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุม สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่
2) มุ่งมั่นทำการวิจัยและพัฒนาสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมสร้าง New S-Curve เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก และเพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต
3) ร่วมวางแผนและปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้
4) ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ในปีบัญชี 66/67 (เม.ย.67-มี.ค.68) EPG ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8 - 10% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 - 33% มาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 6 - 8% มาจากสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม ที่มุ่งเน้นทำการตลาดในประเทศ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น สำหรับสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และระบบ Air Ducting system เน้นทำการตลาดมากขึ้นทั้งในประเทศ และสหรัฐอเมริกา สำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการในประเทศ Aerolex ยังได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาตั้งที่ EEC และในสหรัฐอเมริกากลุ่มลูกค้าโครงการที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่ม Semi-Conductor/ Cloud/ และยานยนต์ เป็นต้น
ฉนวน Aeroflex ตอบโจทย์การประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ โดยเป็นบริษัทต้นแบบของกลุ่มธุรกิจ EPG ที่สามารถตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero Emission ในปีพ.ศ. 2585 และมีแผนงานรองรับอย่างเป็นรูปธรรม
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 - 12% มาจากการพัฒนาสินค้านวัตกรรมร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และ สหรัฐอเมริกา ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากโพลีเมอร์และพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา มีความทนทาน สามารถใช้ทดแทนวัสดุประเภทโลหะได้อย่างสมบูรณ์ทำให้รถกระบะมีน้ำหนักเบาลง ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สำคัญได้รับมาตรฐานความปลอดภัย จึงทำให้ค่ายยานยนต์ให้ความไว้วางใจเลือก Aeroklas เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หลากหลายประเภทซึ่งจะทยอยออกสู่ตลาดภายในปีบัญชีนี้ นอกจากนี้ Aeroklas จึงมีโครงการพัฒนาสินค้านวัตกรรมสำหรับยานยนต์ทั้ง ICE และ EV ร่วมกับค่ายยานยนต์เพื่อสร้างสินค้า New S-Curve อย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียภายใต้ Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) ยังคงอยู่ในช่วงการพลิกฟื้นธุรกิจ โดยเสริมการทำงานร่วมกันของธุรกิจและทุกแบรนด์ในออสเตรเลีย เช่น Aeroklas Fitment Center มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจ Fleet and OEM
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 3 - 5% EPP ตั้งเป้าหมายขยายส่วนแบ่งการตลาดสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบรนด์ eici ด้วยมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และล่าสุด FSC (Forest Stewardship Council) จึงทำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเลือก EPP เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา EPP ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจึงพร้อมเพิ่มการผลิตหากคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกเริ่มปรับตัวดีขึ้น
EPP ใช้นวัตกรรมพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อช่วยลดของเสียจากการผลิต พร้อมนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ เป็นต้น
ธุรกิจร่วมทุนกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และ ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทย อินเดีย และ จีน เติบโตได้ดีตามกลุ่มอุตสาหกรรม สำหรับธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ บริษัทและผู้ลงทุนรายอื่น ได้ส่งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เข้าไปดูแล ติดตาม และร่วมแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีบัญชี 67/68 รวม 466 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มเครื่องจักร และใช้ปรับปรุงไลน์การผลิต นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 67 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท (สิบสตางค์) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 280 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 67 ในวันที่ 24 ก.ค. 67 หากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 2 ส.ค. 67 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ส.ค.67
                                
                                
                            
ปัจจัยดังกล่าวเป็นความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจในตลาดโลกของ EPG โดยในปีบัญชี 67/68 (เม.ย.67 – มี.ค.68) บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงาน ดังนี้
1) สร้างการเติบโตแบบ Organic Growth: ด้วยสินค้าประเภทเดิมและสินค้านวัตกรรมที่ออกใหม่ของทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุม สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่
2) มุ่งมั่นทำการวิจัยและพัฒนาสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมสร้าง New S-Curve เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก และเพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต
3) ร่วมวางแผนและปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้
4) ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ในปีบัญชี 66/67 (เม.ย.67-มี.ค.68) EPG ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8 - 10% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 - 33% มาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 6 - 8% มาจากสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม ที่มุ่งเน้นทำการตลาดในประเทศ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น สำหรับสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และระบบ Air Ducting system เน้นทำการตลาดมากขึ้นทั้งในประเทศ และสหรัฐอเมริกา สำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการในประเทศ Aerolex ยังได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาตั้งที่ EEC และในสหรัฐอเมริกากลุ่มลูกค้าโครงการที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่ม Semi-Conductor/ Cloud/ และยานยนต์ เป็นต้น
ฉนวน Aeroflex ตอบโจทย์การประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ โดยเป็นบริษัทต้นแบบของกลุ่มธุรกิจ EPG ที่สามารถตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero Emission ในปีพ.ศ. 2585 และมีแผนงานรองรับอย่างเป็นรูปธรรม
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 - 12% มาจากการพัฒนาสินค้านวัตกรรมร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และ สหรัฐอเมริกา ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากโพลีเมอร์และพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา มีความทนทาน สามารถใช้ทดแทนวัสดุประเภทโลหะได้อย่างสมบูรณ์ทำให้รถกระบะมีน้ำหนักเบาลง ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สำคัญได้รับมาตรฐานความปลอดภัย จึงทำให้ค่ายยานยนต์ให้ความไว้วางใจเลือก Aeroklas เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หลากหลายประเภทซึ่งจะทยอยออกสู่ตลาดภายในปีบัญชีนี้ นอกจากนี้ Aeroklas จึงมีโครงการพัฒนาสินค้านวัตกรรมสำหรับยานยนต์ทั้ง ICE และ EV ร่วมกับค่ายยานยนต์เพื่อสร้างสินค้า New S-Curve อย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียภายใต้ Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) ยังคงอยู่ในช่วงการพลิกฟื้นธุรกิจ โดยเสริมการทำงานร่วมกันของธุรกิจและทุกแบรนด์ในออสเตรเลีย เช่น Aeroklas Fitment Center มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจ Fleet and OEM
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 3 - 5% EPP ตั้งเป้าหมายขยายส่วนแบ่งการตลาดสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบรนด์ eici ด้วยมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และล่าสุด FSC (Forest Stewardship Council) จึงทำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเลือก EPP เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา EPP ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจึงพร้อมเพิ่มการผลิตหากคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกเริ่มปรับตัวดีขึ้น
EPP ใช้นวัตกรรมพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อช่วยลดของเสียจากการผลิต พร้อมนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ เป็นต้น
ธุรกิจร่วมทุนกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และ ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทย อินเดีย และ จีน เติบโตได้ดีตามกลุ่มอุตสาหกรรม สำหรับธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ บริษัทและผู้ลงทุนรายอื่น ได้ส่งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เข้าไปดูแล ติดตาม และร่วมแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีบัญชี 67/68 รวม 466 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มเครื่องจักร และใช้ปรับปรุงไลน์การผลิต นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 67 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท (สิบสตางค์) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 280 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 67 ในวันที่ 24 ก.ค. 67 หากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 2 ส.ค. 67 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ส.ค.67
ยอดนิยม
 
                                กสิกรไทยประกาศเตรียมซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 47.39 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท เพื่อบริหารทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุน
 
                                “ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าโครงการ “Happy Money, Happy Young Old ปูนนี้ (ก็) มีใช้” ปี 68 เตรียมพร้อมวัยเกษียณ”
 
                                PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ PUEAN25OA จำนวน 120 ล้านบาท ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะ 1,000 ล้านบาทใน ปี 68
 
                                ราคาทองคำวันนี้ 31 ต.ค. 68 เปิดตลาดปรับขึ้น 250 บาท รูปพรรณขายออก 62,200 บาท
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg) 
                                 
                             
                             
                             
                             
                             
                         
                         
                        