เรื่องเด่นวันนี้

ผถห.DTCENT โหวตจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด รวมทั้งสิ้น 92.11 ลบ. รับทรัพย์ 20 พ.ค.นี้ - ปักธงรายได้ปี 67 โต 20% นิวไฮต่อเนื่อง


23 เมษายน 2567

ผู้ถือหุ้น บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด รวมทั้งสิ้น 92.11 ล้านบาท เป็นหุ้นในอัตรา 20 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสด 0.048507280619 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 20 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20% นิวไฮต่อเนื่อง จากการขยายธุรกิจ GPS Tracking-IoT Solutions ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลุยเปิดศูนย์บริการฯ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่งภายในปีนี้ พร้อมออกโปรดักส์ใหม่ “DTRACK” วางจำหน่ายใน DTC SHOP

DTCENT_คุณทศพล คุณะเพิ่มศิริ (3)_0.jpg

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567)  เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 22 เมษายน 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด จากผลการดำเนินงานงวดปี 2566 โดยจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 20 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าหุ้นทั้งสิ้นไม่เกิน 31,327,970 บาท และจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.045729502842 บาท  จำนวนไม่เกิน 57,304,500 บาท

ทั้งนี้ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด จำนวนไม่เกิน 3,480,885.57 บาท ในอัตราหุ้นละ 0.002777777777 บาท เพื่อรองรับภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากร รวมปันผลจ่ายทั้งสิ้น 92,113,355.72 บาท หรือคิดเป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.073507280619 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 31,327,970 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 626,559,403 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 657,887,373 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญจำนวนรวม 62,655,940 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.50 บาท และอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท

“บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในการบริหารธุรกิจ ประกอบกับทีมผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพเพื่อให้มีผลงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในปี 66 สามารถทำกำไรสุทธิ 99.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.65% เทียบกับปีก่อน และสามารถจ่ายปันผลเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นได้ตามนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทฯ”

สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 1/2567 ยังมีทิศทางที่ดี จากการเร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่ง ภายในปีนี้ ปัจจุบันมีการเปิดให้บริการแล้ว 11 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6 สาขาเชียงใหม่ สาขาอุดรธานี สาขาขอนแก่น สาขาอยุธยา สาขานครสวรรค์ สาขาพระราม2 สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี สาขามาบข่า จังหวัดระยอง สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสาขานครราชสีมา พร้อมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ DTC ชื่อ "DTRACK" อุปกรณ์ GPS รุ่นประหยัดเพื่อเจาะตลาดกลุ่ม B2C ซึ่งจะเป็นรถส่วนบุคคล หรือรถที่ต้องติดอุปกรณ์ GPS ตามประกาศของกรมการขนส่งทางบกและมีวางจำหน่ายใน DTC SHOP แล้ว

ขณะที่ ศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center  ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว โดยเริ่มงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้า

งานด้าน IoT Solutions และระบบ AI  บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution,  Smart AI Solution  ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร สำหรับระบบ BAMS (Business Activity Management System)       เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับใบ Certificate  IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ เรียบร้อยแล้ว และสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในทันที รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES)  จะสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในปี 2568 ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ให้กับรถขนส่งสินค้า ในกลุ่มของ บริษัทบุญรอดฯ และมีความร่วมมือในการทำงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐ จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้รายได้ในปีนี้เติบโตที่ระดับ 20% จากปีก่อน