
จากกรณีที่บอร์ดของ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS มีมติออกมาเรื่องอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนแบบ GO เพื่อการบริหารทางการเงิน โดยการเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไปไม่เกิน 1,504 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น โดยจะเป็นราคาเดียวและรับซื้อในจํานวนไม่เกิน 300,748,563 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 3.50% และจะเปิดให้ ผู้ถือหุ้นแสดงเจตนาขายหุ้นคืนให้กับ JAS ระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-23 ก.ค.67
พร้อมกันนี้ได้อนุมัติหลักการในการออกและเสนอขายใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ JAS (JAS-W4) แก่ผู้ถือหุ้น ของบริษัทฯ จํานวนไม่เกิน 4,146,033,754 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า โดยให้เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้น ด้วยอัตราส่วนการจัดสรรที่ 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยใบสําคัญแสดงสิทธิฯ JAS-W4 (2:1) โดยบริษัทฯ จะไม่จัดสรร JAS-W4 ให้หุ้นที่บริษัทฯ ได้ซื้อคืน
คำถามต่อไปคือ “พิชญ์ โพธารามิก” ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่ 1 ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 4,572,490,483 หุ้น หรือ 53.21% จะตัดสินใจเลือกแบบไหน? ระหว่างเอาหุ้นไปขายคืนแล้วรับไปหุ้นละ 5 บาท หรือ เลือกรับ JAS-W4
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากจำนวนหุ้นที่ "พิชญ์ โพธารามิก" ถืออยู่ 4,572,490,483 หุ้น มากกว่าจำนวนที่บริษัทฯ ประกาศรับซื้อไม่เกิน 300,748,563 หุ้น ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเลือกรับเป็น JAS-W4 แทนการยื่นความจำนงค์เพื่อขอขายหุ้นคืน และจากการประเมินเบื้องต้นด้วยจำนวนหุ้นที่ถืออยู่นี้จะได้รับ JAS-W4 จำนวน 2,286.245 ล้านหน่วย
ซึ่งตอนนั้น(เมื่อวอร์แรนต์เข้าซื้อขาย) ยังไม่รู้ว่าราคาของ JAS-W4 จะมีมูลค่าเท่าใด แต่ที่รู้แน่ๆ คืออัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพคือ JAS-W4 จํานวน 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคา 3 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะเข้ามาซื้อขายได้ไม่เกินกลางเดือนตุลาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกรับเป็นเงินสดที่บริษัทรับซื้อในราคา 5 บาทต่อหุ้น (หากเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 3.40 บาท/หุ้น เท่ากับเห็นกำไรต่อหุ้นที่ชัดเจนแล้วคือ 1.60 บาท/หุ้น) หรือเลือกรับเป็น JAS-W4 ผู้ถือหุ้นของ JAS ทุกคนล้วนได้ประโยชน์ทั้งหมด
ส่วนที่จะได้รับเป็นมูลค่ามากๆ ก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพราะหากไปดูราคาหุ้นของ JAS ย้อนหลังตั้งเแต่เดือน พ.ย. 2562 จนถึง 18 เม.ย.2567 ปรากฎว่าราคาหุ้นเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 4.88 บาท ในเดือนธ.ค.2562 จากนั้นก็ไหลต่ำลงมาโดยตลอด
ปฏิบัติการในครั้งนี้คือรวบหุ้นกลับมาเข้ามาไว้และหากสามารถดึงราคาขึ้นไปได้ถึง 5 บาท จะทำให้มูลค่าตลาดรวม (Market Cap.) ของ JAS จากปัจจุบัน(เปรียบเทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ 3.40 บาท) อยู่ที่ 29,215.55 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 42,964.05 ในส่วนของ "พิชญ์ โพธารามิก" หากเอา 5 บาทคูณด้วยจำนวนหุ้นที่ถืออยู่นั้น จะมีมูลค่ามากถึง 22,862.45ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 7,315.98 ล้านบาท จากราคาปิดเมื่อวานนี้