จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : EA กำลังขยายฐานสร้างรายได้ ลุยธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน
22 เมษายน 2567
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ขยายโอกาสทางธุรกิจจับมือพันธมิตร รุกตลาดธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน หนุนนโยบายรัฐบาลดันประเทศไปสู่ Carbon Neutral และสร้างฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง
ปัจจุบันทุกอุตสาหกรรมมีเป้าหมายในการดูแลโลก โดยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมการบิน จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้กับบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่ร่วมเป็นพันธมิตรในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หนุนไทยไปสู่ Carbon Neutral และสร้างฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง
ซึ่งนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุ บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกันกับ บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) การลงทุนต่อยอดในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบิน จะสามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้ประเทศไทยไปสู่ Carbon Neutral ตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ กับประชาคมโลกใน COP26 ว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก
และยังเป็นการรวมจุดแข็งของสององค์กรของไทยที่จะควบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งในประเทศไทยเอง และในอาเซียน
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS ระบุ บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำองค์ความรู้และประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการบริหารจัดการและให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จับมือกับ EA ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อผลักดัน SAF ให้เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน
โดยร่วมมือกันเพื่อศึกษาโอกาสในการสร้างสถานีบริการผสมน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF Blending Facility)แบบ Open-Access เพื่อรองรับ SAF ที่ผลิตมาจากวัตถุดิบทางชีวภาพและวัตถุดิบอื่นๆ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงความสะดวกในการเข้าถึงของทุกบริษัทน้ำมัน เพื่อส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนเป็นไปอย่างเสรี สนับสนุนผู้ผลิตน้ำมันอากาศยานทุกราย พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันอากาศแบบยั่งยืนของภูมิภาค
ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอากาศยานของบาฟส์ ทำให้สายการบินจากทั่วทุกมุมโลกมั่นใจได้ว่าน้ำมันที่ บาฟส์ ให้บริการเป็นน้ำมันอากาศยานที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บุคลากรของบาฟส์ ได้ผ่านการรับรองจากองค์กร ISCC จึงมีความพร้อมสำหรับบทบาทหน้าที่ในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ SAF ให้ตรงตามมาตรฐานสากล ทั้งการตรวจสอบความสอดคล้องด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และปริมาณคาร์บอนที่ลดลงตามกรอบมาตรฐานด้านความยั่งยืน
การลงนามความร่วมมือระหว่าง EA และ BAFS เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม การบินที่ไร้มลพิษ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอุตสาหกรรมการบิน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ และเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ ในธุรกิจของประเทศให้เติบโตบนหลัก Sustainability Business ตลอดจนทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างสมดุลทางสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
ขณะที่บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น EA โดยระบุว่า คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2024E 45.00 บาท อิงวิธี SoTP (หรือคิดเป็น PER ที่ 22 เท่า หรือ -1.8 below 5-yr average PER) จาก
1. ตั้งเป้ายอดส่งมอบ EV truck ในปี 2024E ที่ 3.7 พันคัน โดยจะเริ่มเห็นการรับรู้รายได้ใน 2Q24E เป็นต้นไป
2. 2024E รายได้จากการขายไฟลดลงจากค่า ft ที่ปรับลง ประกอบกับเงินสนับสนุน Adder ที่หมดของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 90 MW จากในปี 2023
3. บริษัทมีการทำ partnership กับ AOT ในการประกอบรถ EV เพื่อใช้ในสนามบิน รวมถึงเป็นผู้ติดตั้งสถานีชาร์จ EV ทั้งหมด และ solar rooftop ในสนามบินของ AOT ด้วย
4. บริษัทมีการเซ็นสัญญา WTE ที่เกาะล้านและจังหวัดภูเก็ต คาดจะ COD ได้ในปี 2025E-26E โดยคาดจะ contribute เป็น EBITDA ให้กับบริษัทได้ที่ราว600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการ WTE ที่จังหวัดปทุมธานีที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญา
คงประมาณการกำไรปี 2024E/25E ที่ 7.9/8.6 พันล้านบาท โต +4%/+9% YoY จาก captive demand ของความต้องการ charging station หลังมียอดส่งมอบ EV Truck ทยอยเข้ามาตั้งแต่ใน 2Q24E ทำให้ช่วยหนุนผลการดำเนินงาน 2H24E ให้ยังขยายตัวได้ ทั้งนี้แนวโน้ม 1Q24E คาดเห็นกำไรโตได้ QoQ แต่หดตัว YoY จากยอดส่งมอบรถที่ลดลงจากใน 1Q23 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา perform ใกล้เคียง SET จากแผนการร่วมมือของ NEX กับ Toyota เพื่อพัฒนารถEV ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน และ EA ที่ร่วมมือกับ BAFS ที่ขยายสู่ธุรกิจ SAF (Sustainable Aviation Fuel)
หลังจาก underperform SET ที่ราว -20% ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา จากยอดส่งมอบรถที่ล่าช้ากว่าคาดกดดันผลการดำเนินงานใน 4Q23 แม้การประชุมจะดูงเป็นบวกมากขึ้นจากที่บริษัทตั้งเป้าส่งมอบ E-Truck มากถึง 3,700 คันใน 2024E แต่ยังมองว่าคำสั่งซื้อยังมีความไม่ชัดเจน จึงยังให้คำแนะนำ “ถือ” จากกำไรระยะสั้นยังไม่โดดเด่น จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของคำสั่งซื้อ E-truck ได้ใน 2Q24E และแผนการร่วมมือทั้งธุรกิจ EV และ Green fuel
ปัจจุบันทุกอุตสาหกรรมมีเป้าหมายในการดูแลโลก โดยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมการบิน จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้กับบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่ร่วมเป็นพันธมิตรในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หนุนไทยไปสู่ Carbon Neutral และสร้างฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง
ซึ่งนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุ บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกันกับ บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) การลงทุนต่อยอดในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบิน จะสามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้ประเทศไทยไปสู่ Carbon Neutral ตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ กับประชาคมโลกใน COP26 ว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก
และยังเป็นการรวมจุดแข็งของสององค์กรของไทยที่จะควบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งในประเทศไทยเอง และในอาเซียน
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS ระบุ บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำองค์ความรู้และประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการบริหารจัดการและให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จับมือกับ EA ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อผลักดัน SAF ให้เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน
โดยร่วมมือกันเพื่อศึกษาโอกาสในการสร้างสถานีบริการผสมน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF Blending Facility)แบบ Open-Access เพื่อรองรับ SAF ที่ผลิตมาจากวัตถุดิบทางชีวภาพและวัตถุดิบอื่นๆ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงความสะดวกในการเข้าถึงของทุกบริษัทน้ำมัน เพื่อส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนเป็นไปอย่างเสรี สนับสนุนผู้ผลิตน้ำมันอากาศยานทุกราย พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันอากาศแบบยั่งยืนของภูมิภาค
ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอากาศยานของบาฟส์ ทำให้สายการบินจากทั่วทุกมุมโลกมั่นใจได้ว่าน้ำมันที่ บาฟส์ ให้บริการเป็นน้ำมันอากาศยานที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บุคลากรของบาฟส์ ได้ผ่านการรับรองจากองค์กร ISCC จึงมีความพร้อมสำหรับบทบาทหน้าที่ในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ SAF ให้ตรงตามมาตรฐานสากล ทั้งการตรวจสอบความสอดคล้องด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และปริมาณคาร์บอนที่ลดลงตามกรอบมาตรฐานด้านความยั่งยืน
การลงนามความร่วมมือระหว่าง EA และ BAFS เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม การบินที่ไร้มลพิษ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอุตสาหกรรมการบิน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ และเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ ในธุรกิจของประเทศให้เติบโตบนหลัก Sustainability Business ตลอดจนทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างสมดุลทางสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
ขณะที่บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น EA โดยระบุว่า คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2024E 45.00 บาท อิงวิธี SoTP (หรือคิดเป็น PER ที่ 22 เท่า หรือ -1.8 below 5-yr average PER) จาก
1. ตั้งเป้ายอดส่งมอบ EV truck ในปี 2024E ที่ 3.7 พันคัน โดยจะเริ่มเห็นการรับรู้รายได้ใน 2Q24E เป็นต้นไป
2. 2024E รายได้จากการขายไฟลดลงจากค่า ft ที่ปรับลง ประกอบกับเงินสนับสนุน Adder ที่หมดของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 90 MW จากในปี 2023
3. บริษัทมีการทำ partnership กับ AOT ในการประกอบรถ EV เพื่อใช้ในสนามบิน รวมถึงเป็นผู้ติดตั้งสถานีชาร์จ EV ทั้งหมด และ solar rooftop ในสนามบินของ AOT ด้วย
4. บริษัทมีการเซ็นสัญญา WTE ที่เกาะล้านและจังหวัดภูเก็ต คาดจะ COD ได้ในปี 2025E-26E โดยคาดจะ contribute เป็น EBITDA ให้กับบริษัทได้ที่ราว600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการ WTE ที่จังหวัดปทุมธานีที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญา
คงประมาณการกำไรปี 2024E/25E ที่ 7.9/8.6 พันล้านบาท โต +4%/+9% YoY จาก captive demand ของความต้องการ charging station หลังมียอดส่งมอบ EV Truck ทยอยเข้ามาตั้งแต่ใน 2Q24E ทำให้ช่วยหนุนผลการดำเนินงาน 2H24E ให้ยังขยายตัวได้ ทั้งนี้แนวโน้ม 1Q24E คาดเห็นกำไรโตได้ QoQ แต่หดตัว YoY จากยอดส่งมอบรถที่ลดลงจากใน 1Q23 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา perform ใกล้เคียง SET จากแผนการร่วมมือของ NEX กับ Toyota เพื่อพัฒนารถEV ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน และ EA ที่ร่วมมือกับ BAFS ที่ขยายสู่ธุรกิจ SAF (Sustainable Aviation Fuel)
หลังจาก underperform SET ที่ราว -20% ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา จากยอดส่งมอบรถที่ล่าช้ากว่าคาดกดดันผลการดำเนินงานใน 4Q23 แม้การประชุมจะดูงเป็นบวกมากขึ้นจากที่บริษัทตั้งเป้าส่งมอบ E-Truck มากถึง 3,700 คันใน 2024E แต่ยังมองว่าคำสั่งซื้อยังมีความไม่ชัดเจน จึงยังให้คำแนะนำ “ถือ” จากกำไรระยะสั้นยังไม่โดดเด่น จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของคำสั่งซื้อ E-truck ได้ใน 2Q24E และแผนการร่วมมือทั้งธุรกิจ EV และ Green fuel
ที่เกี่ยวข้อง
