จิปาถะ

“ลงทุนในทองคำ ข้อดี ข้อเสีย และทางเลือก”


19 เมษายน 2567

สหรัฐอเมริกามีมากที่สุดประมาณ 8,200 ตัน ตามด้วยเยอรมัน 3,300 ตัน อิตาลี ฝรั่งเศส และรัสเซียประมาณประเทศละ 2,500 ตัน ด้านจีนมีทองคำสำรองเป็นอันดับที่หกของโลก 2,300 ตัน ขณะที่ ส่วนไทยมี 245 ตัน

“ลงทุนในทองคำ ข้อดี ข้อเสีย และทางเลือก”.jpg

ราคาทองคำกำลังขึ้นสูงเป็นประวัติศาสตร์ หลายคนไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อหรือควรจะขาย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสงกรานต์ราคาขึ้นมาประมาณ 16% หากจะซื้อเพิ่มก็กลัวราคาจะลดลง แต่หากจะรอไปอีกก็กลัวราคาจะขึ้นสูง และจะเสียดายโอกาส

ข่าวประโคมทุกวันเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ความตึงเครียดเกือบสุกงอมของสงครามที่อาจจะขยายเป็นวงกว้าง ปัญหารัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อไม่มีความชัดเจนว่าจะจบลงอย่างไร ล่าสุดมีข่าวว่าอิหร่านจะตอบโต้อิสราเอลในเร็ววันนี้ หากเกิดขึ้นจริงราคาน้ำมันอาจจะพุ่งสูงขึ้นเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรล จะเกิดเงินเฟ้อรอบใหญ่อีกครั้ง อีกทั้งปีนี้มีการเลือกตั้งกว่า 60 ประเทศ

แถมมีข่าวติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ นำโดยจีน ซื้อทองคำสะสมเป็นนโยบายของการลดความเสี่ยงต่อภาพรวมของทรัพย์สิน หรือเป็นการชี้ชวนให้พันธมิตรลดการพึ่งพาเงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้มีการกระพือข่าวต่อเนื่องในโซเชียลมีเดียทำให้เกิดความเชื่อว่ารัฐบาลหลายประเทศจะรวมกันสร้างระบบการเงินการธนาคารทางเลือก มาแข่งขันกับปัจจุบันที่มีประเทศกลุ่ม G7 เป็นเจ้ากี้เจ้าการ

ปัจจุบันจีนมีทองคำสำรองเป็นอันดับที่หกของโลกประมาณ 2,300 ตัน ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมากที่สุดประมาณ 8,200 ตัน ตามด้วยเยอรมัน 3,300 ตัน อิตาลี ฝรั่งเศส และรัสเซียประมาณประเทศละ 2,500 ตัน (ส่วนไทยมีประมาณ 245 ตัน) ปริมาณทองคำของจีนนั้นเทียบเป็นอัตรา เพียง 4.3% ของทรัพย์สินแห่งชาติ ซึ่งที่เหลือ 95.7% นั้นเป็นเงินตราหลายสกุลหลัก เรื่องนี้จึงทำให้การซื้อทองคำโดยธนาคารกลางของจีนนั้นอาจจะไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงต่อการเงินโลกในเร็ววันอย่างที่หลายคนเข้าใจ

จะลงทุนในทองคำดีไหม? เดี๋ยวนี้หรือควรรอ? ความกลัวทำให้วิ่งหาที่พึ่ง

ทองคำเป็นที่ยอมรับทั่วโลกโดยเฉพาะในสังคมไทยที่เชื่อถือมาช้านานว่าเป็นสิ่งวัดความมั่งคั่งและเศรษฐกิจในครอบครัว เป็นที่พึ่งในยามฉุกเฉิน แลกเปลี่ยนเป็นเงินตราได้โดยที่ไม่ต้องรอวันและเวลาทำการของธนาคาร ร้านค้าทองมีทุกหย่อมหญ้าเปิดทุกวัน

ทองคำมีความงดงามคงทนหายาก นำกลับมาใช้ได้หลายครั้งนับไม่ถ้วน สำหรับหลายคนการมีทองคำเป็นจิตวิทยาที่ประเมินค่าไม่ได้ เป็นเครื่องประดับสวยงามแต่ใครที่กังวลว่าจะนำอันตรายมาสู่ตน ก็หันไปซื้อทองคำแท่งมาเก็บสะสมแทน เนื่องจากซื้อขายคล่องตัวกว่าทองรูปพรรณและไม่มีค่ากำเหน็จบางคนเชื่อว่าไม่เพียงแต่ทองคำจะเป็นสิ่งประดับที่นิยมมาตั้งแต่โบราณแต่ปัจจุบันทองคำถูกใช้เป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมหลายประเภทรวมทั้งอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆและโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และปริมาณของทองคำมีจำกัด ราคาจะไม่ตกหรือจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างแน่นอน

ประโยชน์ของการลงทุนกับทองคำ ได้ทั้งกำไรอย่างน้อยก็ความอุ่นใจ

หวังกำไร : อุปสงค์อุปทาน ทองคำในโลกมีจำกัด และการเพิ่มปริมาณจากการทำเหมืองเป็นสิ่งที่ต้องลงทุนสูง

สู้กับเงินเฟ้อ: ราคาทองคำจะขยับขึ้นตามไป หรือบางครั้งจะแซงเงินเฟ้อทำให้รักษาอำนาจการซื้อไว้ได้ รัฐบาลแต่ละประเทศมักจะแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินตราสกุลของตนเองจึงทำให้มูลค่าเสื่อมโดยอัตโนมัติ

กระจายความเสี่ยงของการลงทุน : ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นการมีทองคำเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งจึงคล้ายกับการประกันความสมดุลย์

สิ่งควรพิจารณาและระวังเรื่องการลงทุนในทองคำ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเป็นจำนวนมากให้ความเห็นว่าการลงทุนในทองคำอาจจะไม่ใช้สิ่งที่ควรทำถึงแม้จะมีความวิตกกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองโลกแต่ทองคำไม่ใช่คำตอบ เหตุผลที่ออกมาติงก็คือ

ราคาทองคำอาจจะไม่ขึ้นเสมอไป : ตลาดจะเป็นตัวกำหนด ไม่มีอะไรมากำหนดกฎเกณฑ์ว่าราคาทองคำควรจะเป็นเท่าไหร่ ความพึงพอใจของผู้ซื้อจะเป็นตัวตัดสิน

ทองคำไม่มีประโยชน์ในอุตสาหกรรมมากนัก : แร่ธาตุเงินใช้ในอุตสาหกรรมแพร่หลายมากกว่าทองคำและความเชื่อที่ว่าทองคำนั้นเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นอาจไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนเพียงพอ

ทองคำไม่มีเงินปันผล :แต่แตกต่างจากการลงทุนกับหุ้นของบริษัทที่เข้มแข็งมีกำไรราคาหุ้นสูงขึ้นและยังมีเงินปันผลแบ่งเป็นระยะ

ทองคำเป็นภาระและอันตรายต่อเจ้าของ : ต้องเก็บรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายและอาจนำมาสู่อาชญากรรมเช่นการลักขโมยหรือปล้นจี้ การเพิ่มความนิยมของทองคำจะทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในการทำเหมืองแร่ทองคำซึ่งทำลายพื้นผิวดินที่อุดมสมบูรณ์ให้กับกลายเป็นหลุมคล้ายผิวดวงจันทร์เช่นเหมืองแร่ในบราซิลและแอฟริกา กลายเป็นมลภาวะระยะยาว

ทางเลือกในการลงทุนในทองคำ

สำหรับท่านที่คิดว่าได้ชั่งใจแล้วอยากลงทุนในทองคำ ผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันแนะนำให้จำกัดอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 10% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด และควรพิจารณาการลงทุนโดยทางอ้อมผ่าน “กองทุนรวมทองคำ” ซึ่งมีความสะดวกและปลอดภัย

กองทุนรวมทองคำ หรือ Gold Fund เป็นการลงทุนมูลค่าหน่วยลงทุน ตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก เปรียบเสมือนลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อม ผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งนำเงินลงทุนของกลุ่มไปซื้อทองคำแท่ง

เมื่อเราใช้เงินบาทไทยซื้อจะมีอัตราแลกเปลี่ยนของวันนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง และเมื่อเราขายหุ้นในกองทุนก็จะได้เงินเป็นสกุลต่างประเทศและแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินบาทไทย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วย ยกเว้นท่านที่มีเงินสกุลตราต่างประเทศ เช่นดอลลาร์สหรัฐอยู่แล้ว และราคาของหุ้นในกองทุนก็จะอิงกับราคาทองคำโลกและไม่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำในประเทศไทย

การลงทุนทางอ้อมกับกองทุนรวมทองคำนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการกังวลกับการเก็บรักษาทองคำไว้กับตนเอง ไม่ต้องออกจากบ้านไปที่ร้านทอง ไม่ต้องกังวลว่าทองคำที่ตัวเองมีอยู่นั้นเป็นของแท้หรือไม่ และจำนวนเงินที่ซื้อเป็นหน่วยของหุ้นในกองทุนจำนวนมากน้อยตามที่เราพอใจ ไม่จำเป็นจะต้องซื้อเป็นหน่วยของทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาและไม่สนใจกับการใช้ทองคำเป็นเครื่องประดับ

ในวาระสงกรานต์และเทศกาลปีใหม่ของไทยครั้งนี้ ขอส่งแรงใจและพลังบวกจากสหรัฐอเมริกาสู่มาตุภูมิให้ทุกท่านและครอบครัวมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง ภาวนาให้เกิดความสามัคคีและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกันในสังคม ขอให้สิ่งต่างๆที่เป็นเรื่องท้าทายระดับชาติ เช่น ปัญหาคอรัปชั่น ความเหลื่อมล้ำ ภาระหนี้สินครัวเรือน และความขัดแย้งทางการเมืองโดยเฉพาะอุดมการณ์ต่างๆผ่านพ้นไปโดยเร็วพร้อมกับความร้อนของอากาศครับ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1122816