อัปเดตล่าสุด สรุป! เกณฑ์หุ้นเข้า SET50 และ SET100 รอบใหม่

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับเกณฑ์คำนวณ SET50 และ SET100 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็น ระหว่างวันที่ 11-26 เม.ย. 2567 โดยข้อเสนอของเกณฑ์คำนวณใหม่เป็นอย่างไร และหุ้นอะไรบ้าง ที่มีโอกาสได้รับผลบวก ทีมข่าว Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว



นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองว่า จากประเด็นตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ในช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็น ระหว่างวันที่ 11-26 เม.ย. 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่มีมูลค่าการซื้อขายลดลงอย่างมาก 

โดยจะเปลี่ยนเกณฑ์ด้านสภาพคล่องในการคัดเลือกหลักทรัพย์ทั้ง 2 เกณฑ์ เป็น Minimum Requirement ได้แก่ 1. Trading Value เดิมกำหนดไว้ที่ 50% และอาจจะลดลงครั้งละ 5% แต่ต้องไม่น้อยกว่า 20% เปลี่ยนเป็นต้องไม่น้อยกว่า 25% 

2. Turnover Ratio เดิมกำหนดระดับเริ่มต้นไว้ที่ 2% และอาจจะลดลงครั้งละ 0.5% แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1% เปลี่ยนเป็นต้องไม่น้อยกว่า 1% โดยทั้ง 2 เกณฑ์ จะต้องไม่ต่ำกว่าสัดส่วนดังกล่าวอย่างน้อย 9 เดือน จากการรวบรวมข้อมูล 12 เดือน 

ขณะที่อีก 2 เกณฑ์ยังคงไว้แบบเดิมคือ 1.Market Cap. เฉลี่ย 3 เดือนสูงสุด 50 อันดับ และ 100 อันดับ และ4. Free Float ไม่น้อยกว่า 20%
จากการประเมินเบื้องต้น โดยอ้างอิงข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2566–17 เม.ย. 2567 แล้วพิจารณาเฉพาะผลจากการปรับเกณฑ์ Turnover Ratio ลงจาก 2% เหลือ 1% จะส่งผลให้ BJC ได้เข้ามาคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 โดย BJC เป็นหุ้นขนาดใหญ่ลาดับที่ 34 ด้วย Market Cap. ราว 1 แสนล้านบาทหรือราว 1% ของ SET50

ขณะที่ GULF และ INTUCH จะไม่หลุดจากดัชนี SET50 และ SET100 แต่หากใช้เกณฑ์เดิมมีความเสี่ยง ที่จะหลุดจากดัชนี SET50 และSET100

ดังนั้นการคำนวณหุ้นที่มีโอกาสเข้า-ออกจากดัชนี SET50 และ SET100 สำหรับรอบครึ่งหลังปี 2567 เบื้องต้น โดยใช้เกณฑ์ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ ได้หุ้นที่มีโอกาสเข้า-ออก ดัชนี SET50 และSET100 ดังนี้

สำหรับ SET 50 คาดหุ้นเข้า (โอกาสมากสุด-โอกาสน้อยสุด) คือ BJC BCP TIDLOR ITC ขณะที่คาดหุ้นออก (โอกาสน้อยสุด-โอกาสมากสุด) คือ BANPU SAWAD KCE COM7

ส่วน SET 100 คาดหุ้นเข้า (โอกาสมากสุด-โอกาสน้อยสุด) คือ BJC BA CKP QH SKY และคาดหุ้นออก (โอกาสน้อยสุด-โอกาสมากสุด) คือ ORI SNNP RCL FORTH TKN

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากข้อมูล Market Cap จะใช้คำนวณตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67-31 พ.ค.67
โดยแนะนำ ซื้อสะสม BJC เพราะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Wallet และมี Market Cap ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นเป้าหมายของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ