หลังจากที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์คืนวันที่ผ่านมา (28 มี.ค.) ปิดตลาดที่ 39,760.08 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 477.75 จุด (1.22%) ทำให้นักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองตลาดหุ้นไทยอาจได้รับอานิสงส์ โดย บล.กสิกรไทย คาดตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,360-1,390 จุด คาดตลาดแกว่ง sideway จนถึงช่วงวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นทั้งวันประชุมกนง. และวันประชมบอร์ด Digital wallet โดยตลาดจะเห็นความชัดเจนเรื่องทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของไทย (เราคาดคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้) และจะเห็นความชัดเจนเรื่องที่มาของเงินสำหรับโครงการ Digital wallet ที่ล่าสุดถูกเลื่อนการแจกไปไตรมาส 4/67 ส่วนทาง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาด Set Index วันนี้คาดฟื้นตัว (แบบช้าๆ) ในกรอบ 1375-1390 จุด ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่วานนี้ปรับขึ้นในช่วง 0.5% ถึง 1.2% และ U.S. Bond Yield 10 ปีที่ปรับลง 4 bps ซึ่งคาดว่าจะสร้าง Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาคและบ้านเรา
ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,370 – 1,390 ระหว่างรอตัวเลข US PCE ในวันศุกร์นี้ เพื่อยืนยันโอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงกลางปีนี้ แนะนำทยอยซื้อท่องเที่ยว AOT,AAV,CENTEL รับเทศกาลสงกรานต์/ SAWAD,KTC,AEONTS คาดดอกเบี้ยใน 2H/67 มีโอกาสลดลง/ กลุ่มเครื่องดื่ม ICHI, PLUS, COCOCO, OSP, TIPCO อุปสงค์ดีขึ้นในฤดูร้อน
หุ้นแนะนำ บล.กสิกรไทย
SAPPE : ราคาพื้นฐาน 101.9 บาท
เรา SAPPE เนื่องจาก
1) แนวโน้มไตรมาส 1/2567 ที่จะแข็งแกร่งขึ้นจากยอดขายที่แข็งแกร่งและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง Q0Q
2) ราคาเม็ดพลาสติก PET ที่ลดลง (45% ของ CoGS) 3) upside risk ต่อประมาณการของเรา (การคาดกรณ์การเติบโตของยอดขายปี 2567 ของเราอยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นขอบเขตล่างของเป้าปี 2567 ของทางบริษัทที่ 20-25%)
4) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2567 P/E 22x จากคาดการณ์ EPS ปี 2567 ของเราที่ 4.2 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นEPS growth 21% YOY และเราคาดจะเติบโตอีก 18% YOY ในปี 2568
SAV : ราคาพื้นฐาน 24.17 บาท
บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการจราจรทางอากาศในกัมพูชาปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นประมาณ 22-25% และคาด CAGR ของปริมาณการจราจรทางอากาศของกัมพูชาปี 2567-69 จะเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ SAV อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อเพิ่มค่าบริการ นอกจากนี้เราเล็งเห็น upsides จาก SAV ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล สปป.ลาว เมื่อต้นเดือน ก.พ.เพื่อดำเนินการจราจรทางอากาศใน สปป.ลาว ซึ่งมีการจราจรทางอากาศใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 3 เท่า
หุ้นแนะนำ บล.เมย์แบงก์
OSP (เพิ่มคำแนะนำ OSP เป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.20 บาท)
เรายังคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ระดับที่น่าสนใจที่ 5% อีกทั้ง ROE จะเพิ่มขึ้นเป็น 16.4% ในปี 67แนวโน้มกำไร 1Q67 ที่แข็งแกร่ง (+25% YoY) จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 8 พ.ค. มุม Valuation น่าสนใจหลังราคาหุ้นปรับตัวลดลง 18% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แย่กว่ากลุ่ม F&B ที่ลดลง 6% โดย OSP ซื้อขายที่ P/E ปี 67 ที่ 23 เท่า หรือ -1.5 SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี
SPA (พักจนถึงจุดน่าสะสม เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท)
ทิศทางผลประกอบการปี 67 ยังมีแนวโน้มเติบโต ขณะที่เป้าหมายขยายสาขาในปีนี้อย่างน้อย 5 สาขาเป็นครั้งแรกหลัง COVID-19 คาดว่าจะเริ่มในช่วง 2Q67 ซึ่งอยู่ในจุดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหนาแน่น เช่น ICON SIAM, Terminal 21 อโศก, Asiatique เป็นต้น กำไรปกติ 1Q67E มีแนวโน้มเติบโต QoQ และ YoY ตาม High Season ภาคท่องเที่ยว มองราคาหุ้นปรับฐานลงมา 8.6% จากแรง Sell on Fact งบ 4Q และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอช่วงต้นเดือน มี.ค. แต่มองการเติบโตของกำไร จะจำกัด Downside ของราคาหุ้นได้ดี
หุ้นแนะนำ บล.คิงส์ฟอร์ด
SSP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.45 บาท)
คาดกำไรปี 67 จะเติบโตราว +44%YoY อยู่ที่ 1.17 พันล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในวินชัย (45MW) เป็น 100% (เดิมถือ 25%) โดยในระยะสั้น 1Q67 คาดเห็นกำไรฟื้นตัว QoQ ได้เนื่องจากผ่านช่วง low season ของการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
AMATA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี 67 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ backlog สิ้นปี66 ยังแข็งแกร่งที่ 14,285 ลบ.(ไทย1.2 หมื่นลบ. ที่เหลือเวียดนาม/ คาดจะสามารถทยอยโอนได้ในปีนี้ราว 50%)
f
ที่เกี่ยวข้อง
