กระดานข่าว
L&E ส่งซิกปี 66 สดใส ธุรกิจในประเทศฟื้นตัว กอดแบ็กล็อค 1,300 ลบ. ประกาศงบปี 65 รายได้ 3,220 ลบ. โต 20% กำไร 31.4 ลบ. ชงจ่ายปันผลหุ้นละ 0.0610 บ.
22 กุมภาพันธ์ 2566
L&E ส่งซิกแนวโน้มปี 66 สดใส ธุรกิจในประเทศฟื้นตัว งานภาคเอกชนและรัฐกลับมาดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) แข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงที่ 1,300 ลบ. ชูจุดแข็ง “Total Lighting Solution Provider” การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร บวก Innovation สร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ในยุคเทคโนโลยี 5G ล่าสุดประกาศผลงานปี 65 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 3,220 ลบ. โต 20% กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.4 ลบ. ลดลงจากปีก่อน ผลจากการตั้งสำรองหนี้สูญลูกค้างานโครงการแห่งหนึ่ง ด้านบอร์ดชงจ่ายปันผล 0.0610 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเงินปันผลต่อกำไรของงบรวม อยู่ที่ 95.53%

นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณงานจากภาครัฐและภาคเอกชน ทยอยเข้ามาให้ประมูลเป็นจำนวนมาก และจะมีงานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการ Mixed-use งานสนามบิน งานโรงพยาบาล และงานโรงงาน เป็นต้น โดยบริษัทฯ ยังคงโมเดลธุรกิจ “Total Lighting Solution Provider” การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร ควบคู่ innovation สร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ในยุคเทคโนโลยี 5G โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2566 คาดการณ์เติบโตตัวเลขหลักเดียวเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณงานในมือ (backlog) อยู่ในระดับสูงถึง 1,300 ล้านบาท
ส่วนงานต่างประเทศ ปัจจุบันยังทรงตัวเนื่องจากที่ผ่านมา ด้วยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ส่อแววมีความเสี่ยง จากการได้รับผลกระทบทางลบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่สูงขึ้น อาจจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
“ในปี 2566 คาดการณ์รายได้โดยรวมจะเพิ่มเพียงเป็นเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียวจากปีที่แล้ว แต่คาดการณ์กำไรสุทธิน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะต้นทุนสินค้า วัตถุดิบ ค่าขนส่งกลับสู่ภาวะปรกติ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในสายการผลิตทำให้ต้นทุนสินค้าโดยรวมลดต่ำลงได้ ราคาขายโครงการใหม่ๆ มีการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กอปรกับมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเป็น one time expense ในปีที่ผ่านมาหมดแล้ว ทำให้ในปีนี้บริษัทไม่มีภาระการตั้งสำรองหนี้อีกแล้ว” นายอนันต์ กล่าว
มองว่าปี 2566 ความต้องการสินค้า IoT SMART POLES , Horticulture Lighting และ L&E virtual studio ที่ตอบโจทย์ยุค metaverse คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ปัจจุบันได้ขยายการเติบโตธุรกิจ โดยช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ L&E Beyond เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานโปรดักชั่น (Production Solution Provider) แบบครบวงจร ให้บริการทั้งระบบแสง เสียง ภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยกลุ่ม Entertainment Tech แก่ธุรกิจด้านบันเทิง อาทิ งานละคร งานถ่ายรายการโทรทัศน์ งานถ่ายทำ Music Video งานคอนเสิร์ต งานนิทรรศการแบบครบวงจร เสริมภาพลักษณ์ให้ L&E เป็นมากกว่าผู้นำธุรกิจ Lighting Solution
โดย L&E จะเดินหน้าบุกตลาดทั้งงานโปรดักชั่นบันเทิงและอีเวนต์ทั้งแบบ On-Ground และแบบ Online อาทิ Music Video, คอนเสิร์ต รายการ งานประกาศรางวัล ภาพยนตร์ ซีรีส์ งานเปิดตัวสินค้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มและทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ สินค้า IoT SMART POLES, Horticulture Lighting และ L&E Virtual Studio ที่ตอบโจทย์ยุค Metaverse คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทได้รับงานโครงการ One Bangkok ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสในการยกมาตรฐานของบริษัทให้เติบโตมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 3,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 542 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% เป็นผลจากรายได้จากงานขายโครงการเพิ่มขึ้น 22% รายได้จากงานขายส่ง/ขายปลีกเพิ่มขึ้น 18% ส่วนงานขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 18% รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆสามารถปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคได้ ส่งผลให้มีการขยายหรือปรับปรุงกิจการเพิ่มมากขึ้น และในปีนี้บริษัทได้ขายสินค้าให้กับงานโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่นงานศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และงานพาร์ค สีลมเป็นต้น ส่วนการเพิ่มขึ้นของงานขายต่างประเทศ เป็นผลจากการขายสินค้าไปในตลาดอเมริกายังสามารถปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
บริษัทมีผลกำไรสำหรับงวด 31.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 12.4 ล้านบาท หรือลดลง 28% เป็นผลจากปัจจัยต่อไปนี้ กำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 105.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% แต่อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 27.0% ในปี 2564 เป็น 25.6% ในปี 2565 สาเหตุใหญ่มาจากปีนี้บริษัทได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในสัดส่วนที่ลดลง รวมทั้งในปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากการติดตั้งงานโครงการแห่งหนึ่งที่ส่งผลให้มีต้นทุนของโครงการเพิ่มสูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 121.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงาน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาระบบ ERP ของ SAP มาใช้ รวมถึงค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดขายที่สูงขึ้นและค่าน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และในปีนี้บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวน 16.0 ล้านบาทสำหรับลูกค้างานโครงการแห่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังมีดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเพราะยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 3.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.0610 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 โดยบริษัทฯ จะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 19 เมษายน 2566 เพื่อพิจารณามติดังกล่าว
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณงานจากภาครัฐและภาคเอกชน ทยอยเข้ามาให้ประมูลเป็นจำนวนมาก และจะมีงานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการ Mixed-use งานสนามบิน งานโรงพยาบาล และงานโรงงาน เป็นต้น โดยบริษัทฯ ยังคงโมเดลธุรกิจ “Total Lighting Solution Provider” การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร ควบคู่ innovation สร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ในยุคเทคโนโลยี 5G โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2566 คาดการณ์เติบโตตัวเลขหลักเดียวเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณงานในมือ (backlog) อยู่ในระดับสูงถึง 1,300 ล้านบาท
ส่วนงานต่างประเทศ ปัจจุบันยังทรงตัวเนื่องจากที่ผ่านมา ด้วยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ส่อแววมีความเสี่ยง จากการได้รับผลกระทบทางลบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่สูงขึ้น อาจจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
“ในปี 2566 คาดการณ์รายได้โดยรวมจะเพิ่มเพียงเป็นเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียวจากปีที่แล้ว แต่คาดการณ์กำไรสุทธิน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะต้นทุนสินค้า วัตถุดิบ ค่าขนส่งกลับสู่ภาวะปรกติ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในสายการผลิตทำให้ต้นทุนสินค้าโดยรวมลดต่ำลงได้ ราคาขายโครงการใหม่ๆ มีการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กอปรกับมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเป็น one time expense ในปีที่ผ่านมาหมดแล้ว ทำให้ในปีนี้บริษัทไม่มีภาระการตั้งสำรองหนี้อีกแล้ว” นายอนันต์ กล่าว
มองว่าปี 2566 ความต้องการสินค้า IoT SMART POLES , Horticulture Lighting และ L&E virtual studio ที่ตอบโจทย์ยุค metaverse คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ปัจจุบันได้ขยายการเติบโตธุรกิจ โดยช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ L&E Beyond เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานโปรดักชั่น (Production Solution Provider) แบบครบวงจร ให้บริการทั้งระบบแสง เสียง ภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยกลุ่ม Entertainment Tech แก่ธุรกิจด้านบันเทิง อาทิ งานละคร งานถ่ายรายการโทรทัศน์ งานถ่ายทำ Music Video งานคอนเสิร์ต งานนิทรรศการแบบครบวงจร เสริมภาพลักษณ์ให้ L&E เป็นมากกว่าผู้นำธุรกิจ Lighting Solution
โดย L&E จะเดินหน้าบุกตลาดทั้งงานโปรดักชั่นบันเทิงและอีเวนต์ทั้งแบบ On-Ground และแบบ Online อาทิ Music Video, คอนเสิร์ต รายการ งานประกาศรางวัล ภาพยนตร์ ซีรีส์ งานเปิดตัวสินค้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มและทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ สินค้า IoT SMART POLES, Horticulture Lighting และ L&E Virtual Studio ที่ตอบโจทย์ยุค Metaverse คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทได้รับงานโครงการ One Bangkok ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสในการยกมาตรฐานของบริษัทให้เติบโตมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 3,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 542 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% เป็นผลจากรายได้จากงานขายโครงการเพิ่มขึ้น 22% รายได้จากงานขายส่ง/ขายปลีกเพิ่มขึ้น 18% ส่วนงานขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 18% รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆสามารถปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคได้ ส่งผลให้มีการขยายหรือปรับปรุงกิจการเพิ่มมากขึ้น และในปีนี้บริษัทได้ขายสินค้าให้กับงานโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่นงานศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และงานพาร์ค สีลมเป็นต้น ส่วนการเพิ่มขึ้นของงานขายต่างประเทศ เป็นผลจากการขายสินค้าไปในตลาดอเมริกายังสามารถปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
บริษัทมีผลกำไรสำหรับงวด 31.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 12.4 ล้านบาท หรือลดลง 28% เป็นผลจากปัจจัยต่อไปนี้ กำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 105.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% แต่อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 27.0% ในปี 2564 เป็น 25.6% ในปี 2565 สาเหตุใหญ่มาจากปีนี้บริษัทได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในสัดส่วนที่ลดลง รวมทั้งในปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากการติดตั้งงานโครงการแห่งหนึ่งที่ส่งผลให้มีต้นทุนของโครงการเพิ่มสูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 121.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงาน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาระบบ ERP ของ SAP มาใช้ รวมถึงค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดขายที่สูงขึ้นและค่าน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และในปีนี้บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวน 16.0 ล้านบาทสำหรับลูกค้างานโครงการแห่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังมีดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเพราะยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 3.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.0610 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 โดยบริษัทฯ จะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 19 เมษายน 2566 เพื่อพิจารณามติดังกล่าว
ยอดนิยม

ราคาทองคำวันนี้ 18 ก.ย. 68

ตลาดหลักทรัพย์ ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. เกรซ วอเทอร์ เมด (GWM25) เริ่มซื้อขาย 19 ก.ย. นี้

บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ttb จัดโปร iPhone 17 แบบแรงหัวแถว มีให้เลือกทุกแบบ ผ่อน 0% นาน / รับคืนสูง / ส่วนลดแรง / มีของแถม

‘ปูนอินทรี’ คว้าฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวม 13 ผลิตภัณฑ์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)