จิปาถะ

เริ่ม 11 มี.ค.67 ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้าทุกครั้ง


05 มีนาคม 2567
เริ่ม 11 มี.ค.67 เป็นต้นไป ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้า พร้อมกดรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ทุกครั้ง ยกเว้น! กลุ่มผู้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน

เริ่ม 11 มี.ค. 67 ผู้ใช้แอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบ.jpg

นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยในวันที่ 1 ของทุกเดือน ผู้ที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้สิทธิเป็นวงเงินสิทธิกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยวงเงินดังกล่าวจะไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป


ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้วงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในการซื้อสินค้า จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อเดือน กับร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่รับชำระเงินผ่านเครื่อง EDC หรือแอปพลิเคชันถุงเงิน

ปัจจุบันมีร้านค้าและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอปฯ ถุงเงิน กว่าหนึ่งแสนร้านค้า ดังนั้น เพื่อให้การรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ จากแอปพลิเคชันถุงเงิน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและโปร่งใส จึงได้กำหนดวิธีการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยวิธีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

โดยผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐที่ไปใช้สิทธิที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดรหัสคู่บัตร PIN 6 หลัก และให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการสแกนใบหน้าทุกครั้ง ยกเว้น กลุ่มผู้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่เดินทางไปยืนยันตัวตนเองไม่ได้ เป็นต้น และกลุ่มผู้ที่สแกนใบหน้าไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นตอนยืนยันตัวตน (e-KYC)

สำหรับกรณีที่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ถูกล็อก ให้ดำเนินการ ดังนี้

1) หากผู้ใช้สิทธิยังจำรหัสเดิมได้ สามารถติดต่อขอปลดล็อกได้ด้วยตนเองผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Welfare Call Center 0 2109 2345 หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ ในวันและเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์) ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น.

(2) กรณีที่ต้องการเปลี่ยนรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก สามารถดำเนินการด้วยตนเองผ่านตู้ ATM บมจ.ธนาคารกรุงไทย (เครื่อง ATM สีเทาที่มีปุ่ม “ทำรายการด้วยบัตรประจำตัวประชาชน”)

(3) กรณีจำรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไม่ได้ ให้ติดต่อที่สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เพื่อทำการยืนยันตัวตนใหม่พร้อมกำหนดรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 (ในวัน-เวลาทำการ)

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1116137