Fund / Insurance

“แรบบิท แคร์” ปลื้มรถอีวี “ดันยอดเบี้ยพุ่ง” 46% กาง 4 เช็คลิสต์ต้องรู้ก่อนซื้ออีวีคาร์


25 ธันวาคม 2566
“แรบบิท แคร์” ระบุยอดขายประกันรถยนต์ EV เติบโตสูงกว่าเบี้ยประกันรวมรถยนต์ทุกประเภทถึง 46% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อานิสงส์จากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ รวมถึงการแข่งขันของโปรโมชั่นของผู้ผลิตรถยนต์ แนะเปิดเช็ค 4 ข้อควรรู้และต้องเตรียมตัวสำหรับการตัดสินใจเลือกรถยนต์ EV 

แรบบิท แคร์.jpg

นายชยพัทธ์ สกุลร่มโพธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด กล่าวว่า ยอดขายประกันรถยนต์ EV เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยอัตราการเติบโตของตัวเลขยอดขายประกันรถยนต์ EV เติบโตสูงกว่า เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรวมรถยนต์ทุกประเภทถึง 46% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตามรถยนต์ EV ยังถือเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับคนไทย ดังนั้นการที่จะซื้อรถยนต์ประเภทดังกล่าว ควรที่จะมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบว่าตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือไม่ เนื่องจากรถยนต์ EV มีรายละเอียดการใช้งานที่ต้องทำความเข้าใจให้ดีหลายด้าน ได้แก่

·       พฤติกรรมการใช้รถ โดยจะต้องคำนึงถึงการใช้งานระยะทางเฉลี่ยต่อวัน การวางแผนในการชาร์จให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล เนื่องจากจุดชาร์จอาจจะยังไม่เพียงพอในแต่ละพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนล่วงหน้าก่อนการเดินทาง

·    ความหลากหลายของประเภทรถ อาจจะยังมีตัวเลือกประเภทของรถที่ไม่ครอบคลุมทุกความต้องการในการใช้งานเท่าที่ควรหากเทียบกับรถสันดาปทั่วไปที่มีให้เลือกทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ และรถบรรทุก

·       ความพร้อมของศูนย์บริการ ปัจจุบันอู่รถทั่วไปยังไม่มีความชำนาญในการดูแลรถยนต์ EV ที่มากพอ แบรนด์รถยนต์ EV จึงเดินหน้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อลดความกังวลของเจ้าของรถเกี่ยวกับการรับบริการหลังการขาย อาทิ การนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

·       ค่าใช้จ่ายแฝง ที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าตู้และค่าติดตั้ง Wallbox ซึ่งรถบางยี่ห้ออาจไม่ได้แถมมาให้ ค่าใช้จ่ายในการเพิ่มมิเตอร์ไฟเพื่อให้รองรับโหลดของการชาร์จไฟให้เพียงพอ การดูแลและการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคต หรือค่ายางรถยนต์ที่แพงกว่ารถสันดาป

“การที่อุตสาหกรรมรถยนต์ EV มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นั้น มีส่วนช่วยให้บริษัทประกันมีข้อมูลที่ครอบคลุมในการประเมินความต้องการ พฤติกรรมการใช้งาน และความเสี่ยงของผู้ขับขี่รถยนต์ EV และออกแบบผลิตภัณฑ์ ประกันรถยนต์ EV ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เราเชื่อมั่นว่า จุดแข็งของระบบปฎิบัติการความแคร์ CareOS 2.0 ของเรายังมีบทบาทที่สำคัญในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรถน้ำมัน ไฟฟ้า หรือพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคตอีกด้วย เช่น รถยนต์พลังไฮโดรเจน หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (E-Fuels)” นายชยพัทธ์ กล่าว