บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE’CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, EMJOI, BEAR, iLIFE, @HOME และแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด MAKAVALIC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 ด้วยรายได้จากการขายมูลค่า 382 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 6.85 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ หนุนรายได้ช่วงที่เหลือของปี 2566
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD กล่าวรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 ว่า “บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.80 จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จากการขายที่ 375 ล้านบาท จากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดการณ์ โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 6.85 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยทางบริษัทฯ เพิ่มการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางอื่น ครอบคลุมไปถึงช่องทางออนไลน์ งานแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังมีการเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 7.39 จากการขยายตลาดไปสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกลุ่มเอเชียตะวันออกเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ต้นทุนสินค้าขายสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีมูลค่า 138 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.12 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.40 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 133 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.72 ของรายได้จากการขาย จากภาวะการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นและการลดลงของรายได้จากการขายส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยผลิตปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คงมาตรการคุมเข้มด้านต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีมูลค่า 240 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 62.91 ของรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.45 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 234 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.46 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องกับการเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ คงนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายด้านการขายเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
สำหรับด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังคงระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน มุ่งเน้นนโยบายการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้อื่นจากการลงทุนหลังการรับรู้การตีมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิมูลค่า -15.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.73 จากไตรมาสก่อนที่มีมีรายได้อื่นจากการลงทุนหลังการรับรู้การตีมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิมูลค่า -18.98 ล้านบาท อันเนื่องมาจากสถานการณ์สงครามการค้าและสงครามระหว่างประเทศที่ยังไม่มีแนวโน้มจะยุติลงในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้เศรษฐกิจและตลาดการลงทุนชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากปัจจัยข้างต้น บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงาน (Net Profit from Operating Performance) ในไตรมาส 3 ปี 2566 มูลค่า -19.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ -5 ของรายได้จากการขาย
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 ที่เป็นช่วงไฮซีชั่นของการท่องเที่ยว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าใหม่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามและไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเปิดตัว "MAKAVELIC" (มาคาเวลิค) แบรนด์กระเป๋า Luxury Street Fashion ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาพร้อมกระแสตอบรับล้นหลามจากผู้บริโภค พร้อมเดินหน้ารุกขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมไปถึงการจัดโครงการส่งเสริมการขาย ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD กล่าวรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 ว่า “บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.80 จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จากการขายที่ 375 ล้านบาท จากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดการณ์ โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 6.85 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยทางบริษัทฯ เพิ่มการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางอื่น ครอบคลุมไปถึงช่องทางออนไลน์ งานแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังมีการเติบโตได้ดีในอัตราร้อยละ 7.39 จากการขยายตลาดไปสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกลุ่มเอเชียตะวันออกเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ต้นทุนสินค้าขายสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีมูลค่า 138 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.12 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.40 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 133 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.72 ของรายได้จากการขาย จากภาวะการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นและการลดลงของรายได้จากการขายส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยผลิตปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คงมาตรการคุมเข้มด้านต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีมูลค่า 240 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 62.91 ของรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.45 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 234 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.46 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องกับการเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ คงนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายด้านการขายเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
สำหรับด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังคงระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน มุ่งเน้นนโยบายการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้อื่นจากการลงทุนหลังการรับรู้การตีมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิมูลค่า -15.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.73 จากไตรมาสก่อนที่มีมีรายได้อื่นจากการลงทุนหลังการรับรู้การตีมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิมูลค่า -18.98 ล้านบาท อันเนื่องมาจากสถานการณ์สงครามการค้าและสงครามระหว่างประเทศที่ยังไม่มีแนวโน้มจะยุติลงในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้เศรษฐกิจและตลาดการลงทุนชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากปัจจัยข้างต้น บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงาน (Net Profit from Operating Performance) ในไตรมาส 3 ปี 2566 มูลค่า -19.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ -5 ของรายได้จากการขาย
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 ที่เป็นช่วงไฮซีชั่นของการท่องเที่ยว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าใหม่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามและไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเปิดตัว "MAKAVELIC" (มาคาเวลิค) แบรนด์กระเป๋า Luxury Street Fashion ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาพร้อมกระแสตอบรับล้นหลามจากผู้บริโภค พร้อมเดินหน้ารุกขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมไปถึงการจัดโครงการส่งเสริมการขาย ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน