จิปาถะ

เช็กผลงาน 9 รมว.เพื่อไทย “เศรษฐา-ปานปรีย์” เด่นสุด!


10 พฤศจิกายน 2566

หลังนายกฯเศรษฐาแถลงผลงาน 2 เดือนรัฐบาล หลายฝ่ายต่างพากันจับตาพรรคเพื่อไทย ที่มีรมว.9 คน และรมต.ประจำสำนักนายกฯอีก 1 คน ทางรศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อ.ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา ได้ตัดเกรดภาพรวมครม.เศรษฐากับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นว่า ค่อนข้างไปทางล้มเหลวไม่สามารถทำงานผ่านถือว่าติด F เนื่องจากขับเคลื่อนนโยบายเป็นรูปเป็นร่างยังไม่ได้ ขณะพรรคเพื่อไทยก็ไม่สนใจความสามารถตัวบุคคลที่นั่งกระทรวงอยู่ที่ว่านายใหญ่อย่าง ทักษิณ ชินวัตร จะวางหมากอย่างไรโดยไม่ให้กลบอุ๊งอิ๊ง ราวกับว่าแบ่งเค้กนั่นเอง

เช็กผลงาน 9 รมว.เพื่อไทย.jpg

โดยคนแรกนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงการคลัง ซึ่งตัวนายกฯมีความทุ่มเทและมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานอย่างมาก แต่อาจจะมีข้อบกพร่องบ้างเพราะเป็นการทำงานแบบ CEOโดยการทำงานภาครัฐนั้นไม่สามารถใช้อำนาจทั้งหมดได้ ต้องมีความประนีประนอม อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลต้องปรับปรุง เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรัฐสภา นอกจากนี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้เกียรตินายกฯอีกด้วย เสมือน โดนมองว่าเป็นนายกฯที่อุปโลกน์หรือหุ่นเชิด

คนที่ 2 นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการเลือกคนที่ผิดฝาผิดตัวเพราะเขาไม่ถนัดเรื่องธุรกิจอีกทั้งยังทำงานตามระบบราชการที่ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจน ยก ตัวอย่างเช่นอย่างราคาน้ำตาลทรายที่ทางภาครัฐพยายามจะยับยั้งไม่ให้ราคาน้ำตาลทรายพุ่งสูงขึ้นนั้น แต่ก็อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และกระทบเกษตรกร

คนที่ 3 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งคนนี้ถือว่าโดดเด่นที่สุดในครม.ชุดนี้เพราะมีศักยภาพสูง และเขามีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจดังนั้นจึงดูมีความเหมาะสมมากที่จะ ดูแลกระทรวงดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายๆกรณีก็กลับพบว่านายเศรษฐา มักจะเข้ามาแทรกแซงในหลายบทบาท

คนที่ 4 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม เขาไม่มีอะไรโดดเด่น อาจจะมีผลงานอยู่บ้างเช่นปรับลดราคารถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย แต่ตอนนี้ทำได้เพียง2สาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลบอกว่าจะทำทุกสาย

คนที่ 5 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.กระทรวงสาธารณสุข โดยหมอชลน่าน เคยวิพากษ์วิจารณ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่สุดท้ายเขากลับดูมาตรฐานต่ำกว่าอนุทินด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นหมอ แต่ล่าสุดเขาจ่อ ผลักดันกฎหมายพกยาบ้าไม่เกิน10เม็ดถือเป็นเพียงผู้เสพ ซึ่งมองว่าเป็นความคิดที่ไม่สมควรที่คนเป็นหมอไม่ทำกัน

คนที่ 6 นายสุทิน คลังแสง รมว.กระทรวงกลาโหม มองว่าคนนี้ภาพลักษณ์โดยรวมดูโอเค แต่พอไปดูการบริหารในฐานะรัฐมนตรีนั้นกลับทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากกองทัพมีโครงสร้างกลไกของทหาร แถมยังมีเครือข่ายอำนาจเก่าอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พรรคเพื่อไทยจำต้องยอมประนีประนอมเพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปได้

คนที่ 7 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยภาพรวมยังไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ ทั้งเรื่องปัญหาออนไลน์ คอลเซนเตอร์ต่างๆ เพราะเพื่อไทยจัดสรร ตำแหน่งรัฐมนตรีแบบไม่สนใจความรู้ความสามารถ

คนที่ 8 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.กระทรวงวัฒนธรรม มองว่าเขาคงทำได้เพียงสวมชุดผ้าไทย เปิดงานเท่านั้น ทั้งๆที่เพื่อไทยมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ และกระทรวงดังกล่าวต้องเป็น กระทรวงหลักในการผลักดันหรือไม่ แต่กลับยังไม่เห็นการทำงานแต่อย่างใด

คนที่ 9 น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เธอนั้นเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ได้ตำแหน่งเพราะพ่อคือกำนันป้อ เพราะเธอไม่มีประสบการณ์ ถึงแม้ว่าจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆแต่เธอก็ออกมาเทคแอ็กชั่นน้อยมาก ซึ่งหากเทียบกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวคนก่อนหน้านี้คือพิพัฒน์ รัชกิจประการ ถือว่าค่อนข้างต่างกัน

อย่างไรก็ตาม2เดือนแล้วแต่นโยบายพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่คืบหน้าทั้งนี้ต้องมาติดตามว่านายใหญ่เพื่อไทยจะเดินเกมการเมืองอย่างไรต่อไป

ที่มา : https://today.line.me/th/v2/article/l26ZYGG