โลกธุรกิจ

Coke ปะทะ Pepsi สงครามการตลาดกว่าร้อยปี


04 ตุลาคม 2566
มูลค่าตลาดของธุรกิจน้ำอัดลมทั้งโลกในปี ค.ศ. 2022 อยู่ที่ประมาณ 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 3.7% โดยส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจน้ำอัดลมทั่วโลกในปี ค.ศ. 2022 นั้น แบ่งออกเป็นดังนี้ Coca-Cola: 44% PepsiCo: 19% Dr Pepper Snapple Group: 12% Others: 25%
Coke ปะทะ Pepsi.jpg

การแข่งขันระหว่างเจ้าตลาดโลก 2 อันดับแรกระหว่าง Coke และ Pepsi เป็นการแข่งขันทางการตลาดที่ดำเนินมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ที่ผ่านมาต่างสลับกันครองใจผู้บริโภค ใช้หลากหลายกลยุทธ์การตลาดเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากกันและกัน
 
ชื่อบริษัทอย่างเป็นทางการของ Coke คือ The Coca-Cola Company โดยทั่วไปแล้วในระดับสากล ผู้คนมักเรียกบริษัทแห่งนี้ว่า "Coca-Cola" หรือ "โคคา-โคลา" โดยเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยบริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1886 โดย อาซา แคนด์เลอร์ ที่ได้ซื้อสิทธิบัตรจากนายแพทย์จอห์น เพมเบอร์ตัน ซึ่งได้เปิดบริษัทผลิตน้ำอัดลมยี่ห้อ โคคา-โคล่า โดยปัจจุบันบริษัทได้ผลิตโค้กออกมาจัดจำหน่ายวันละ 1,600,000 ขวดต่อวันและจัดจำหน่ายมาก กว่า 200 ประเทศทั่วโลก 

ขณะที่ ชื่อบริษัทอย่างเป็นทางการของ Pepsi หรือ "เป๊ปซี่" คือ PepsiCo, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองแฮร์ริสัน รัฐนิวยอร์ก บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1965 จากการควบรวมกิจการของบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า และบริษัทฟริโต-เลย์ นอกจากนี้ บริษัท PepsiCo ยังมีแบรนด์สินค้าอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Gatorade, Tropicana, Quaker Oats, และ Lay's เป็นต้น

โฟกัสเฉพาะในแง่เครื่องดื่ม ผลแพ้ชนะของการแข่งขันระหว่าง Coke และ Pepsi นั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา โดย Coke มักครองส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า Pepsi ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษ 1980 Pepsi กลับเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี ค.ศ. 1983 Pepsi ชนะ Coke ในการแข่งขัน Blind Taste Test ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์ CBS ส่งผลให้ Pepsi ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม Coke ก็สามารถกลับมาครองส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า Pepsi ได้อีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1990 โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ Coke กลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นคือ แคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่าง "The Real Thing"

ในปัจจุบัน Coke ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า Pepsi โดยในปี ค.ศ. 2022 Coke มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 44% และ Pepsi มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 19%

กลยุทธ์การตลาดที่ทั้งสองบริษัทใช้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากกัน ได้แก่
การโฆษณาและส่งเสริมการขาย: Coke และ Pepsi ต่างใช้งบประมาณมหาศาลในการโฆษณาและส่งเสริมการขายสินค้าของตน โดยใช้ดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดขาย
การวิจัยและพัฒนา: Coke และ Pepsi ต่างลงทุนในการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
การขยายตลาด: Coke และ Pepsi ต่างขยายตลาดไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อเพิ่มยอดขาย

การแข่งขันระหว่าง Coke และ Pepsi ยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต โดยทั้งสองบริษัทต่างมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตน โดยแนวโน้มการแข่งขันในอนาคต ได้แก่
การให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืน: ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น ส่งผลให้ Coke และ Pepsi ต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
การขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ: ตลาดน้ำอัดลมทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Coke และ Pepsi ต่างมุ่งมั่นที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ ทั่วโลก
การผสานรวมธุรกิจ: Coke และ Pepsi ต่างมองหาโอกาสในการผสานรวมธุรกิจกับบริษัทอื่นๆ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มรายได้

ทั้งนี้ การแข่งขันระหว่าง Coke และ Pepsi ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งขันทางความคิดและวัฒนธรรมอีกด้วย โดยทั้งสองบริษัทต่างพยายามสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ของตนเองให้โดดเด่นและเป็นที่จดจำของผู้บริโภคทั่วโลก