News Today

“ICHI” ปักหมุด 3 ปี ยอดขายแตะ1 หมื่นลบ. เน้นเสริมศักยภาพการผลิตให้แข็งแกร่ง


24 สิงหาคม 2566
นาย ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า อิชิตันสามารถปรับตัวจากสถานการณ์โควิดจนสร้างการเติบโตส่งสัญญาณบวกมาตั้งแต่ปี 2022-2023 มีการเติบโตระดับ 2 ดิจิ ติดต่อกันในแทบทุกด้าน ทั้งสินค้าเดิมไม่ว่าจะเป็นอิชิตัน กรีนที และเย็นเย็น ที่สามารถเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในโมเดิร์นเทรด และช่องทางร้านค้าปลีกอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วประเทศอย่างทั่วถึง  สินค้าใหม่ที่เป็นกลุ่ม High Value เช่น อิชิตัน น้ำด่าง, ชาชิซึโอกะ และตันซันซู น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี ติดตลาดและมีกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ชัดเจน จนสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 21.3% ในปี 2022 และล่าสุดมีการประกาศปรับเป้าหมายยอดขายเป็น 7,600 ล้านบาทภายในปี 2023 คิดเป็นการเติบโต 20%  ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ทำรายได้ที่ 2,029.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% และมีกำไรสุทธิ 255.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการทำนิวไฮติดต่อกัน 29 ไตรมาส

“ICHI”ปักหมุด 3 ปี ยอดขายแตะ1 หมื่นลบ.jpg

ด้วยประสิทธิภาพการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้ปัจจุบันสินค้าอิชิตันได้รับความนิยมครอบคลุมทั่วประเทศ ด้านตลาดส่งออกมีทิศทางที่ดีด้วยการเติบโต 5.83% โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV และธุรกิจรับจ้างผลิต (Ichitan OEM Service) เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง มีลูกค้าพาร์ทเนอร์รายใหญ่ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

มองกลับมาที่ศักยภาพการผลิตปัจจุบันโรงงานอิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ ใช้เทคโนโลยการผลิตแบบ High Tech-High Speed-Hygiene ใช้เทคโนโลยีผลิตเย็นแบบปลอดเชื้อที่ดีที่สุด สำหรับผลิตเครื่องดื่มในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการผลิตระดับ 600-900 ขวด/นาที กำลังการผลิตรวมกำลังก้าวสู่ 1,700 ล้านขวดต่อปี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นทะลุระดับ 70%

ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง มองว่ายังคงส่งสัญญาณบวกจากตัวเลขออเดอร์ล่วงหน้า และอากาศที่ร้อนต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เอาใจผู้บริโภค โดยจะต่อยอดเครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี น้องใหม่มาแรง “ตันซันซู” ออกรสชาติมหาชน “ตันซันซู น้ำผึ้งมะนาว” ภายในเดือนตุลาคม เพื่อเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนในการสร้างยอดขายรับตลาดน้ำอัดลมมีการเติบโตทัังในประเทศ และในตลาดโลก

ในขณะที่ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดของ Nielsen พบว่ารอบ 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 8,236 ล้านบาท เติบโตถึง 19.07%  และมองว่า ตลาดชาเขียวกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีความยั่งยืน จากตัวเลข 3 ปี ล่าสุด เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดเครื่องดื่มไทย เนื่องด้วยชาเขียวเป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน ให้ความสดชื่นจากคาเฟอีนจากธรรมชาติและรสชาติถูกปากคนไทย  มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม