กระดานข่าว

SAMART กำไร Q2 เพิ่มกว่า 230 % เสริมแกร่งนำ SAV เข้าตลาดหุ้น ก.ย.นี้


11 สิงหาคม 2566
กลุ่มสามารถแจ้งรายได้รวมไตรมาส 2 ปี 66 จำนวน 2,075 ล้านบาท โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 230 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน พร้อมประกาศนำ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เข้าเทรดใน ตลท.เดือนกันยายนนี้ 
 SAMART_Watchai.jpg
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท  สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มสามารถมีทิศทางเป็นบวกอย่างชัดเจน สะท้อนจากอัตราการทำกำไรที่พลิกฟื้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาส 2 ปี 66 มีรายได้รวม 2,075 ล้านบาท มีกำไร 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 236 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบ YoY และเพิ่มขึ้นถึง 197 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ QoQ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบรายได้รวมในรอบครึ่งปีแรก ก็ยังพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ โดยในครึ่งแรกของปีนี้ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,586 ล้านบาท 

ผลงานเด่นรอบครึ่งปีแรกของกลุ่มสามารถ ประกอบด้วย สายธุรกิจ ICT คว้างานเพิ่มหลายโครงการ อาทิ โครงการจากกระทรวงมหาดไทย, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, สำนักงบประมาณ เป็นต้น  ส่วนสายธุรกิจ U-trans โดย บริษัท ทรานเส็ค เพาเวอร์ เซอร์วิส ได้สัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้า มูลค่า 276 ล้านบาท และบริษัทเทด้าได้สัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) มูลค่ารวม 2,376  ล้านบาท ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้างสถานีไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าประมาณ 4,000 ล้านบาท  

สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทมีมุมมองที่เป็นบวก เพราะเชื่อมั่นว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนโดยเร็ว   ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการนำเสนอเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ ตลอดจนภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการในยุคดิจิตอล ล่าสุด บมจ.สามารถเทลคอม  ได้จับมือกับ PowerSchool ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบการศึกษาชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา รุกธุรกิจ Digital Education Platform ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนชั้นนำใช้บริการแล้ว  

ส่วนธุรกิจที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตโดดเด่น คือ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ผู้ให้บริการวิทยุการบินในประเทศกัมพูชา ซึ่งในครึ่งปีแรก มีจำนวนเที่ยวบิน ทั้งที่บินขึ้น/ลง และบินผ่านประเทศกัมพูชารวม 45,127 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ของฤดูการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็จะส่งผลบวกต่อประมาณรายได้ของโครงการ Direct Coding หรือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สินค้าประเภทสุราแช่ ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรายได้ประมาณ 460 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่มียอดการผลิตสูงขึ้น จึงคาดว่าทั้งปี 2566 จะมีรายได้รวมถึง 900 ล้านบาท

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญในช่วงเดือนกันยายน คือการนำบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เข้าเทรดในตลท. โดยจะมีการขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 224 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 35 เปอร์เซ็นต์ ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน คณะกรรมการบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ได้มีมติอนุมัตินำหุ้นสามัญที่บริษัทฯเป็นผู้ถือหุ้นใน บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) โดยถือหุ้นทางอ้อมผ่าน บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด (SUT) ส่วนที่เหลือจากการติด Silent period ร้อยละ 55 และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท สามารถ อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (SIH) ทั้งจำนวน เข้าทำข้อตกลงกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่องดการเสนอขายหรือโอนด้วยวิธีการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่เข้าทำธุรกิจกรรมใดๆ ที่จะมีผลต่อความเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัทฯ ที่ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในช่วงระยะเลา 6 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันแรก

นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “บริษัทมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตที่ชัดเจนและคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งการนำ SAV เข้า ตลท.ก็จะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้แก่กลุ่มสามารถ”